ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม 4 โรคที่ไม่ใช่มะเร็งแต่คุกคามสุขภาพ
ผู้หญิงควรมั่นสังเกตร่างกายกับอาการเตือนต่างๆ สัญญาณบอกโรคภายในที่ถึงแม้ไม่ใช่มะเร็งแต่คุกคามสุขภาพและอันตรายไม่แพ้กัน
ผู้หญิงที่มีสุขภาพดี ไม่ควรมีอาการผิดปกติใด ๆ ขณะมีประจำเดือน แม้บางท่านอาจจะมีอาการปวดท้องน้อยขณะมีประจำเดือนได้บ้าง แต่ไม่ควรมีรุนแรงมากเพราะหากปวดมากในทุกครั้ง อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคภายในที่ต้องได้รับการตรวจเช็กรักษา
มีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจ
1.อาการปวดประจำเดือนจนต้องนอนพัก หยุดงาน หรือต้องรับประทานยาแก้ปวด หรือมีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย
2.มีประจำเดือนมาก อาจมีอาการอ่อนเพลียหรือซีดร่วมด้วย
9 อาการเตือน “ผู้หญิง” อย่านิ่งนอนใจ เสี่ยงเป็น “ช็อกโกแลตซีสต์”
ก้อน "เส้นผม ฟัน" ในรังไข่ ไม่ใช่คุณไสยฯ แต่เป็นโรคเดอร์มอยด์ซีสต์
3.ปัสสาวะบ่อย จนในยามค่ำคืนต้องลุกมาเข้าห้องน้ำ 2 – 3 ครั้ง
4.ปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะปวดมากขึ้นถ้านอนหรือนั่งในบางท่า
อาการปวดบ่งชี้โรค
1.โรคเนื้องอกมดลูก
โรคเนื้องอกมดลูกเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของผู้หญิง เซลล์กล้ามเนื้อบางตำแหน่งแบ่งตัวและเจริญจนเป็นก้อนแทรกในชั้นกล้ามเนื้อ เรายังไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้ แต่พันธุกรรมน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง บางครอบครัวเป็นทุกคนตั้งแต่แม่และลูกสาวทุกคน แม้จะไม่ใช่โรคร้าย แต่ผู้หญิงบางรายอาจจะมีอาการรุนแรงได้ อาการต่าง ๆ ของโรคนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก
ผู้หญิงจะรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายจากภาวะซีด
- เนื้องอกที่อยู่ใต้เยื่อบุโพรงมดลูก จะทำให้ประจำเดือนออกมากและมีประจำเดือนหลายวัน
- เนื้องอกที่อยู่ด้านหน้าใต้กระเพาะปัสสาวะ จะกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อย บางรายอาจมีอาการปัสสาวะลำบาก
- เนื้องอกที่อยู่ด้านหลัง จะกดลำไส้ใหญ่จนเกิดอาการท้องผูก
- เนื้องอกที่ขยายไปทางด้านข้าง อาจจะไปกดท่อไตมีผลทำให้การทำงานของไตเสียได้
- เนื้องอกที่ด้านบนของมดลูก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการและตรวจพบเมื่อก้อนมีขนาดใหญ่มากแล้ว
ระวัง 3 อาการพบบ่อย สัญญาณบอกโรคภายในของคุณผู้หญิง
2.ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และช็อกโกแลตซีสต์
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่พบได้บ่อยมากในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โรคนี้เกิดมากับประจำเดือน ร้อยละ 90 ของผู้หญิงจะมีเลือดไหลย้อนเข้าสู่อุ้งเชิงกรานขณะมีประจำเดือน เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกบางคนไม่ตาย จะเจริญต่อไปจนเกิดเป็นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในอุ้งเชิงกราน ประมาณร้อยละ 10 ของผู้หญิงวัยนี้จะเป็นโรคนี้ เหตุผลเพราะว่าคุณผู้หญิงในปัจจุบันมีประจำเดือนเร็วและมีประจำเดือนนาน กว่าจะแต่งงานและมีลูกก็มีประจำเดือนไม่น้อยว่า 10 – 20 ปี โอกาสเป็นโรคนี้จึงมีมาก
ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกรานต่อมาเกิดถุงน้ำเล็ก ๆ ที่มีของเหลวเหมือน Chocolate ค่อย ๆ เบียดเนื้อรังไข่ และขยายใหญ่จนเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ขึ้นเป็นช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) โรคเหล่านี้มีอาการปวดประจำเดือนมากเป็นอาการสำคัญ เมื่อเป็นมากขึ้นจะมีอาการปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดเรื้อรังที่มีอาการปวดทุกวันเป็นเวลานาน ถ้าโรคกระจายไปกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่จะมีอาการถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระปนเลือด บางรายอาจมีอาการของลำไส้แปรปรวนได้ ผู้หญิงจำนวนมากที่มีโรคนี้จะมีภาวะมีบุตรยากด้วย
"เริม" ติดไม่ง่ายแต่ติดได้ รู้ชัดแยกความต่าง "อีสุกอีใส - ฝีดาษลิง"
3.ถุงน้ำหรือซีสต์ที่รังไข่ (Ovarian Cyst)
- ถุงน้ำที่รังไข่เป็นถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ในรังไข่เอง ถุงน้ำรังไข่แบบนี้ที่สำคัญพบได้ 2 ชนิด คือ
- ถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวของรังไข่ (Epithelial Cell)
- ถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวหนัง (Dermoid Cyst)
โดยทั่วไปในระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่ถุงน้ำจะค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น เมื่อถุงน้ำใหญ่ขึ้นจนแกว่งตัวได้ ก็มีโอกาสบิดขั้วที่รังไข่ของผู้หญิงได้ จะเกิดอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน ในระยะแรกจะปวดเป็นพัก ๆ และอาการปวดหายไปได้ ถ้าการบิดขั้วหมุนกลับไปสู่ตำแหน่งปกติ แต่อาการปวดจะรุนแรงขึ้นจนกระทั่งปวดไปทั่วท้อง เมื่อการบิดขั้วรุนแรงมากจนทำให้รังไข่คั่งเลือด ในระยะนี้จะปวดมากจนทนอาการปวดไม่ไหวต้องมาพบแพทย์แบบฉุกเฉิน
นอนไม่มีคุณภาพเสี่ยง "หัวใจโต" อันตรายถึงชีวิตหากไม่รีบตรวจเช็ก
4.โรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis)
โรคนี้ยังไม่มีชื่อเฉพาะในภาษาไทย ชื่อในภาษาอังกฤษคือ Adenomyosis เป็นโรคที่มีเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก (คล้ายกับภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญในอุ้งเชิงกราน) เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกจะเจริญและสลายตามรอบประจำเดือน
ขณะมีประจำเดือนเซลล์เหล่านี้จะสลายเกิดการอักเสบในชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้เกิดการบีบรัดตัวของมดลูก ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน หลังหมดประจำเดือนเกิดพังผืดในบริเวณชั้นกล้ามเนื้อนี้ ภาวะนี้เกิดซ้ำ ๆ ในแต่ละรอบประจำเดือน ทำให้มดลูกใหญ่ขึ้นเป็นรูปทรงกลมและอาการจะรุนแรงขึ้นได้ นอกจากจะมีอาการปวดประจำเดือนแล้ว ประจำเดือนมามากก็เป็นอาการที่พบบ่อยร่วมด้วย ในรายที่รุนแรงจะมีอาการปวดเรื้อรัง ปวดหน่วง หรืออาการปวดคล้ายปวดระดูเกือบทุกวัน
ท้องอืด แน่นท้อง คลำพบก้อน “มะเร็งรังไข่” ภัยร้ายของผู้หญิง
แม้จะไม่ใช่โรคร้ายหรือมะเร็ง แต่โรคทั้ง 4 ตามที่กล่าวมาข้างต้น สามารถก่อให้เกิดอาการที่มีผลต่อสุขภาพในระดับต่าง ๆ บางกรณีอาจไม่มีอาการ แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดต่ออันตรายต่อสุขภาพอย่างมากได้ในภายหลัง
ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติเพียงข้อหนึ่งข้อใดควรพบสูติ-นรีแพทย์ หรือแม้ว่าไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ควรตรวจสุขภาพทุกปี และด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงร่วมกับการตรวจภายใน ในการตรวจหาภาวะหรือโรคดังกล่าว จึงไม่มีความเจ็บปวด สบายใจในการตรวจได้
ผู้หญิงควรสังเกต อาการบ่งชี้และสัญญาณเตือน "มะเร็ง"
แนวทางรักษาโรค
แนวทางการรักษาโรคทั้ง 4 นั้นจะใช้การผ่าตัดรักษา เช่น การเลาะถุงน้ำ การเลาะเนื้องอกมดลูก การตัดรังไข่ และการตัดมดลูก โดยการผ่าตัดแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับชนิดของโรค อายุของผู้เข้ารับการตรวจและความต้องการการมีบุตรในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น
- ถ้าอายุพอสมควร (วัย 40 ปีหรือกว่านั้น) เป็นเนื้องอกมดลูก การตัดมดลูกเป็นการผ่าตัดที่เหมาะสม
- แต่ถ้าอายุยังน้อย (30 กว่าปีหรือน้อยกว่า) ต้องการมีบุตรในอนาคต แต่เป็นช็อกโกแลตซีสต์ การผ่าตัดที่เหมาะสมคือ การเลาะถุงน้ำ เป็นต้น
การผ่าตัดในปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งเจ็บปวดน้อยมากระหว่างและหลังการผ่าตัด นอนโรงพยาบาลสั้น และฟื้นตัวไปทำงานได้เร็ว เพียง 1 สัปดาห์ ก็สามารถกลับไปทำงานได้
เช็กอาการ "ซิฟิลิส" ไม่รีบรักษาโรคลุกลามทำลายอวัยวะอื่นๆ
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก โรงพยาบาลกรุงเทพ