แพทย์แนะวิธีอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย ย้ำควรติดตามความรู้อย่างมีสติ
แพทย์แนะวิธีอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย ย้ำควรติดตามความรู้อย่างมีสติ ไม่ควรเชื่อสถานที่อื่น ๆ ที่มีความพร้อมของระบบต่าง ๆ แตกต่างจากเรา
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC กล่าวถึงการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ว่า 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คนที่ติดตามการทำงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) อย่างใกล้ชิด จะสังเกตเห็นว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกบางเรื่องของโรคโควิด-19 ดูจะล่าช้าเกินไปสำหรับองค์กรระดับโลก
โควิดวันนี้ (2ก.ย.65) ติดเชื้อเพิ่ม 2,046 ราย ปอดอักเสบ 729 ราย
ร้านขายยาไม่สต็อกยาต้านโควิด มองขายไม่ได้จริง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด องค์การอนามัยโลกกว่าจะยอมรับว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สามารถแพร่กระจายทางอากาศ ติดต่อกันทางการหายใจเหมือนเชื้อไวรัสโรคหัด อีสุกอีใส และเชื้อวัณโรค ต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี
ขณะที่ตัวเองออกมาให้ความเห็นว่าไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศ หลังจากเห็นการระบาดอย่างเป็นกลุ่มก้อนในสนามมวยลุมพินีในเดือนมีนาคม 2563 มีคนติดเชื้อในสนามมวยวันนั้นมากกว่า 50 คน ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างกันหลายสิบเมตร เพราะอยู่ในสถานที่ที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ อากาศถ่ายเทไม่ดี คนป่วยตะโกนเสียงดัง ส่งเสียงเชียร์ ปล่อยเชื้อไวรัสออกมาในอากาศ โดยช่วงนั้นคนยังใส่หน้ากากอนามัยน้อยมาก คนติดเชื้อจากการหายใจเชื้อไวรัสที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลาหลายชั่วโมงไปได้ไกลหลายสิบเมตร ประเทศไทยเสียเงิน เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามพื้น เช่นตลาด และโรงเรียนที่พบการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันเลิกทำแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ ระบุว่า เรายังพูดไม่ได้ว่า “เรากำลังเรียนรู้อยู่ร่วมกับโควิด”
เรื่องนี้ตัวเองได้ออกมาแนะนำให้คนไทยเรียนรู้อยู่ร่วมกับโควิดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เพราะเห็นว่าเราไม่มีทางกำจัดเชื้อไวรัสโควิดให้หมดไปจากโลกนี้ได้ เราต้องยอมรับ และอยู่ร่วมกับไวรัสโควิดอย่างมีสติ อย่าท้อแท้ อย่าวิตกกังวล กลัวโรคโควิดมากเกินไป
ปัจจุบันรัฐบาลเกือบทุกประเทศกำลังปรับลดระดับการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับโรคติดต่อเฝ้าระวังตามฤดูกาลเช่นไข้หวัดใหญ่ และใช้วิธีการที่เข้มงวดน้อยลง ยืดหยุ่นมากขึ้นในการลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เพื่อสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมทางการศึกษา การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุข
สสส.แนะ 3 วิธีป้องกันเด็กเสียชีวิตในรถ ชี้รัฐต้องให้ความสำคัญการเรียนใกล้บ้าน
นักวิจัยพบจุดอ่อนบนโปรตีนหนามโควิด-19 ที่ทุกสายพันธุ์มีเหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat กล่าวถึงวิธีการจะอยู่กับโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยด้วยว่า ควรจะประเมินเรื่องต่าง ๆ ซึ่งไม่ควรเชื่อตามสถานที่อื่น ๆ ที่มีสถานการณ์ ความรู้ เทคโนโลยี และความพร้อมของระบบต่าง ๆ แตกต่างจากเรา เพราะสุดท้ายแล้ว หากเละเทะขึ้นมา คนรับกรรมก็คือเหยื่อ ที่พลาดพลั้งเป็นโรค ป่วย ตาย หรือทุพพลภาพระยะยาว โดยกระทบต่อทั้งตัวผู้ป่วย และครอบครัว
โดยควรจะประเมินเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. รู้จักโรคนั้นดีหรือไม่?
2. คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของโรคนั้นได้ดีเพียงใด?
3. มียาที่ดีและมีมาตรฐานจริง เพื่อรักษายามเจ็บป่วยหรือไม่ เข้าถึงได้โดยง่าย ราคาไม่แพง และมีเพียงพอทั่วถึงจริงหรือเปล่า?
4. มีวัคซีนที่ดี มีประสิทธิภาพ ที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ไหม หากป้องกันไม่ได้ จะป้องกันการป่วยหนัก และลดความเสี่ยงที่จะตายได้มากน้อยเพียงใด ยาวนานเท่าใด และทราบแนวทางการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่จะต้องทำต่อเนื่องในอนาคตชัดเจนหรือไม่?
5. หากพลาดท่าติดเชื้อ และป่วยขึ้นมา โรคนั้นก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังยาวนาน หรือส่งผลกระทบให้เกิดความผิดปกติระยะยาว ทุพพลภาพ และอื่นๆ หรือไม่ มีความเสี่ยงเพียงใด และที่สำคัญคือ มีวิธีการดูแลรักษา หรือฟื้นฟูสภาพหรือไม่?
ติดตามความรู้ที่ถูกต้อง สม่ำเสมอ ให้รู้เท่าทันสถานการณ์ เพื่อจะได้มีสติ และปัญญาไตร่ตรองได้ว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคได้อย่างปลอดภัยจริงหรือไม่?
ณ จุดนี้ วินาทีนี้ ยืนยันว่า จะปลอดภัยกว่า หากใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตนเองอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นไฟฉายส่องทาง
"เดิน-นั่ง" นานๆ ทำให้ปวดขาและข้อเท้า ลดอาการเมื่อยด้วย 5 ท่าบนเก้าอี้