ส่อง 10 เทรนด์ “อาหารเพื่อสุขภาพ” มาแรงปี 2566

หากจะให้พูดถึงประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งในปีนี้ (2565) ก็คือ “ถึงเวลาแล้วที่จะทานอาหารที่ทำให้เรามีความสุข” เพราะในปี 2565 เป็นปีที่มีการนิยามคำว่า “สุขภาพดี” ใหม่ หลังเหล่าดาราดังอย่าง ลิซโซ-เมลิสซา วิเวียน เจฟเฟอร์สัน, จามีลา อาเลีย จามิล และ โจนาห์ ฮิลล์ ออกมาบอกว่า สุขภาพดีเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่จำเป็นจะต้องมีรูปร่างที่เหมือนกันทุกคน เพราะรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้บ่งบอกว่าใครมีสุขภาพดีแค่ไหน!

เทียบประโยชน์ ขนมปังโฮลวีทดีกว่าขนมปังขาว จริงหรือไม่ ?

ผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน กินได้น้ำตาลน้อย กากใยสูง

เมื่อคำว่าสุขภาพดีกลายเป็นเรื่องเฉพาะตัวมากขึ้น และกระแสโซเชียลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อผู้บริโภค การสำรวจข้อมูลเชิงลึกของ Eatting Well เว็บไซต์วารสารสุขภาพที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับอาหาร โภชนาการ และความยั่งยืนมากว่า 30 ปี ได้วิเคราะห์และคาดการณ์ออกมาว่าเทรด์อาหารเพื่อสุขภาพที่ทั่วโลกจับตามองและมาแรงในปีหน้า (2566) คือ 10 อย่าง ดังต่อไปนี้

 

1. กาแฟทางเลือก (Alternative Coffees)

คนรักกาแฟมีมากมาย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด จากการสำรวจของคนที่เข้ามาค้นในเว็บไซต์ Eatting Well พบว่า มีคนให้ความสนใจกาแฟเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ (2565) ถึง 36% ไม่เพียงเท่านั้นตลาดกาแฟทางเลือกยังเติบโตขึ้นด้วย ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น

ทำให้เห็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกมากมายสำหรับคนชอบกินกาแฟ แต่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือติดคาเฟอีน เช่น

• กาแฟโมเลกูลาร์ (Molecular Coffee)

 กาแฟที่ไม่ได้ทำมาจากเมล็ดกาแฟ แต่ทำมาจากสารต่างๆ ที่พบได้ในกาแฟ เพื่อทำให้มีกลิ่น และคาเฟอีนคล้ายกัน แต่ลดการทำลายพื้นที่ป่า หรือแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกกาแฟลดลงจากภาวะโลกร้อน

• กาแฟชิโครี (Chicory Coffee)

กาแฟทดแทนจากต้นชิโครี ไร้คาเฟอีน แต่มีความโดดเด่นตรงที่มีสาร “อินนูลิน” ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เมื่อปล่อยช้าๆ เข้าสู่กระแสเลือดจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลภายในร่างกาย และช่วยลดอาการท้องผูกได้

นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วย “Intibine” สารทำให้มีรสชาติขม ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นผลิตน้ำดี ส่งเสริมการย่อยและบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รวมถึงยังมีกรดไขมันจำเป็นวิตามินบีและแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยในเรื่องการนอนหลับและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าความเครียดได้ด้วย

• กาแฟเห็ด (Mushroom Coffee)

กาแฟที่มีส่วนผสมจากเห็ด ซึ่งลดความเป็นกรดและคาเฟอีนให้น้อยลงกว่าปกติ  นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี วิตามินดี ซีลีเนียม ทองแดง โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยต้านการอักเสบและต้านสารก่อมะเร็ง

2. อาหารรักษ์โลก (Upcycled Foods)

ในการผลิตกาแฟจะสร้างขยะจำนวนมาก แต่ แคสคาร่า (Cascara) ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากเปลือกกาแฟ สามารถนำมาใช้ใหม่ ทำเป็นเครื่องดื่มร้อนคล้ายกับชาสมุนไพรที่มีกลิ่นของมะขามและลูกเกดได้

แม้ว่าชาแคสคาร่าจะเป็นกรรมวิธีการผลิตในประเทศผู้ผลิตกาแฟมาช้านาน แต่ชาแคสคาร่ามีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ Starbucks ได้นำไปเป็นหนึ่งในเมนูเครื่องดื่มของพวกเขาด้วย ชื่อว่า “Cascara Latte” และ “Cascara Fizz”

จนตอนนี้คำว่า “Cascara latte calories” เป็นคำที่ได้รับความนิยมอย่างมากติดกูเกิลเทรนด์ในปีนี้ ขณะที่ "Cascara fizz" มีคนค้นหาเพิ่มขึ้น 150%

3. ยูซุ (Yuzu)

ยูซุ ผลไม้ตระกูลส้มเปรี้ยวจากเกาหลีและจีน กำลังเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา จนติดกูเกิลเทรนด์ในปีนี้ (2565) โดยมีผลการค้นหาในสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับยูซุเพิ่มขึ้นถึง 80%

แม้ว่าผลสดๆ ของส้มยูซุจะอาจหาซื้อได้ยาก แต่ถ้ามองหาน้ำส้มยูซุในร้านขายของชำใกล้บ้านหรือทางออนไลน์จะหาได้ง่ายมากกว่า เพราะน้ำส้มยูซุมักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี เราจึงมักเป็นผลิตภัณฑ์รสยูซุมากขึ้น เช่น ซอสยูซุ หรือน้ำอัดลมค็อกเทลกระป๋องผสมยูซุ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เสริมความงามของ J-beauty และ K-beauty เพราะยูซุมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี

4. สูตรเลียนแบบ (Copycat Recipes)

ในช่วงแรกๆ ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายคนต่างหันเข้ามาทำครัว เป็นพ่อครัวแม่ครัวกันยกใหญ่ เพื่อปรุงอาหารจากร้านอาหารโปรดทำกินเองที่บ้าน

แต่ที่น่าสนใจคือแม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะผ่อนคลายลง ผู้คนไม่ได้แยกกักตัวอยู่บ้านอีกต่อไป แนวโน้มการทำอาหารกินเองที่บ้านกลับไม่ได้ลดลง ผู้คนให้ความสนใจในสูตรอาหารเลียนแบบเพิ่มขึ้นถึง 167% บนเว็บไซต์ Eatting Well

และใน Pinterest พบการค้นหาคำว่า “Starbucks eggbites copycat recipe” เพิ่มขึ้น 8,000 % ขณะเดียวกันก็ค้นหาคำว่า “Taco Bell Mexican Pizza copycat recipe” เพิ่มขึ้นถึง 100% นอกจากนี้ในกูเกิลเทรนด์ ยังแสดงแนวโน้มที่คล้ายคลึงกัน คือ มีสูตรอาหารเฉพาะเพิ่มขึ้นทุกปี

ทั้งๆ ที่พวกเขาสามารถออกไปทานอาหารข้างนอกบ้านได้ แต่ทำไมความนิยมการทำอาหารเลียนแบบที่บ้านกลับไม่ได้ลดลง? ข้อมูลจาก Eatting Well วิเคราะห์พบว่า ด้วยปริมาณโซเดียมในสูตรเลียนแบบมีน้อยกว่า ใช้ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีก รวมถึงปัญหาภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ทำให้อาหารนอกบ้านมีราคาแพงขึ้น จึงทำให้การทำอาหารสูตรเลียนแบบที่บ้านได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นเอง

5. พืชทะเล (Sea Plants)

พืชทะเลที่กินได้ กำลังกลายเป็นเทรนด์อาหารที่ได้รับความนิยม โดย Whole Foods คาดการณ์ว่าสาหร่ายทะเลจะโตมากในปีนี้ (2565) และในปีหน้า (2563) เราอาจจะได้พบผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายทะเลมากขึ้นบนชั้นวางของ เช่น ขนมคบเคี้ยวสาหร่ายเคลป์ หรือ บะหสี่สำเร็จรูปสาหร่ายเคลป์ เป็นต้น

สาหร่ายเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะสาหร่าย โดยเฉพาะเคลป์สามารถดูดซับคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ และไม่ต้องการน้ำจืดหรือสารอาหารเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน Pinterest ยังคาดการณ์ไว้ด้วยว่า สุดยอดอาหาร (Superfoods) ที่จะมาแรงในปีหน้า (2566) จะเป็นอาหารที่มาจากทะเล โดยพวกเขาให้ความสนใจค้นหาสูตรอาหารว่างจากสาหร่ายเพิ่ม 245% และสูตรโนริสาหร่าย 60%

ส่วนในกูเกิลเทรนด์ระบุว่า “Salicornia salt” ซึ่งเป็นเกลือที่ได้มาจากพืชทะเลที่รู้จักกันว่า “แซมไฟร์” หรือ “ถั่วทะเล” ที่เติบโตตามธรรมชาติ มีโซเดียมน้อยกว่าเกลือทั่วไปที่เราใช้ปรุงอาหารกัน กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในปัจจุบัน

6. อาหารทะเลยั่งยืน (Sustainable Seafood)

เนื้อหาเกี่ยวกับปลาและอาหารทะเลอื่นๆ เป็นที่นิยมอยู่เสมอ แต่ในปีนี้ (2565) บนเว็บไซต์ Eatting Well มีคนค้นหา “สูตรปลาแซลมอน” เพิ่มขึ้น 28% ขณะที่ “กุ้งล็อบเตอร์” ก็เพิ่มขึ้น 29% และใน Pinterest มีผู้ค้นหา “ข้าวปลาแซลมอน” เพิ่มขึ้นมากถึง 245%

อย่างไรก็ตามนวัตกรรมได้เข้ามามีบทบาทต่อการเลือกซื้ออาหารของคนในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่ในตอนนี้จะหลีกเลี่ยงการสนับสนุนวงจรการทำประมงที่ไม่ยั่งยืน คือ เลือกซื้ออาหารทะเลที่โตเต็มวัย ไม่ซื้อสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์และอาหารทะเลที่มาจากการทำประมงแบบทำลายล้าง

7. เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์

บางครั้งผู้คนต้องการดื่มค็อกเทล แต่ก็ไม่ต้องการแอลกอฮอล์ ซึ่งในปีนี้มีคนค้นหาบนเว็บ Eatting Well เพิ่มขึ้นถึง 220% และมียอดคนเข้าไปอ่านบทความเกี่ยวกับ “ม็อกเทล” และ “ไม่มีแอลกอฮอล์” เพิ่มขึ้น 118% และ 365% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีแล้ว

รวมถึงยังมีคนค้นหา “อะเปโรล สปริตซ์” เครื่องดื่มค็อกเทลเพื่อสุขภาพ ที่ผสมผสานสมุนไพรหลายชนิดและมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ เพิ่มขึ้นถึง 52%

8. เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลักจากเห็ดและสมุนไพรต่างๆ (Adaptogens)

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง คงหนีไม่พ้น “Adaptogens” หรือ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลักจากน้ำเห็ดและสมุนไพรนานาชนิด ที่อุดมไปด้วยสารเพื่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใบกะเพรา โสมอินเดีย และเห็ดหลินจือ มีส่วนช่วยปรับสมดุลร่างกาย ลดความเครียด ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

เครื่องดื่มนี้ มีขายในทุกรูปแบบทั้งในรูปแบบขวด ชากระป๋องแบบมีฟอง ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ ด้วยคุณประโยชน์ที่มีมากมายและรูปแบบที่มีให้เลือกหลากหลาย จึงกลายเป็นเทรนด์ที่มีผู้คนค้นหาจนติดกูเกิลเทรนด์

9. โสม (Ginseng)

โสม เป็นพืชที่ถูกใช้ในการแพทย์แผนจีนและชนพื้นเมืองอเมริกันมานานหลายศตวรรษ ก่อนจะนำไปผลิตเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในการลดน้ำตาลในเลือดและช่วยลดการอักเสบ รวมถึงยังเป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มชูกำลัง

แม้ว่าโสมจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่พูดถึงกันมานาน แต่การค้นหากูเกิลเทรนด์เกี่ยวกับโสมยังคงเพิ่มขึ้น 8% ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยกันว่าโสมจะปลอดภัยสำหรับการบริโภคในผู้ใหญ่หรือไม่ และมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและการปล่อยอินซูลินจริงไหม

จากการศึกษาข้อมูล แนะนำว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือคนที่ทานยาลดน้ำตาลในเลือด ควรปรึกษาเพทย์ก่อนที่จะลองอาหารเสริมหรือสารดัดแปลงใหม่ๆ เช่น โสม จะดีที่สุด

10. มะเขือเทศสีม่วง (Purple Tomatoes)

มะเขือเทศสีม่วง เป็นมะเขือเทศดัดแปลงพันธุกรรมชนิดใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณ “แอนโธไซยานิน” และให้มีสีม่วงที่โดดเด่น

“แอนโธไซยานิน” เป็นสารสกัดกั้นอนุมูลอิสระที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้ การทานแอนโธไซยานินจึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจและเบาหวาน

อย่างไรก็ตาม ในอดีตนักโภชนาการอาหารมักจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารดัดแปลงพันธุกรรม แต่ผลิตภัณฑ์นี้ถูกดัดแปลงขึ้นมาเพื่อดึงดูดคนรักสุขภาพ แต่พวกเขาจะเลือกทานหรือไม่? ไม่สามารถตอบได้ชัดเจน แต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากและตอบโจทย์คำแนะนำทางสุขภาพที่อยากให้ทานอาหารตามสีรุ้ง เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพราะแบบนี้มะเขือเทศม่วงก็เลยติดเทรนด์ค้นหายอดนิยมขึ้นมา

ขอบคุณข้อมูลจาก : Eatting Well

ขอบคุณภาพจาก : Freepik และ Oregon State University

หวานไม่ตัดขา! แต่ต้องไม่ละเลย “แผลเบาหวาน” ดูแลเท้าอย่างถูกวิธี

มดขึ้นปัสสาวะ-ปัญหาผิวหนัง อาการบอกโรคเบาหวาน เช็กสัญญาณติดหวานก่อโรค