อย่าละเลย! “วัยทอง” ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด
วัยทองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ แต่ถ้าไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ฮอร์โมนไม่สมดุลไปนานๆ อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะกระดูกพรุนที่ทำให้พิการและถึงชีวิตได้
วัยทองเป็นสิ่งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เป็นเพียงแค่ช่วงวัยหนึ่งที่เราต้องเผชิญ แต่ก็กินเวลาไปประมาณ 3-5 ปี ถ้าดูแลรักษาตัวเองไม่ดีก็ส่งผลต่อสุขภาพ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนจนถึงชีวิตได้
โดยซูเปอร์โมเดลชื่อดัง “ซินดี้ - สิรินยา บิชอพ” เราอาจได้เห็นภาพกันบ่อยๆ ว่าเธอรักษาสมดุลของชีวิตตัวเองได้อย่างดีมาก แม้จะรับบทบาทเป็นทั้งซูเปอร์มัม นักแสดง ซูเปอร์โมเดล รวมถึงการได้รับแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรี UN Women ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
“วัยทอง” ฮอร์โมนเปลี่ยน เสี่ยง “หลอดเลือดหัวใจตีบ” รู้ทันรับมือได้
สุดยอดโปรตีนจากพืช! “เต้าหู้” ดีต่อหัวใจช่วยปรับฮอร์โมนวัยทองให้คงที่
แต่เธอก็สามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี ยังไปออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ และการควบคุมอาหารอย่างบาลานซ์มาโดยตลอด คือ ไม่กินของแปรรูปและกินของหวานในบางครั้งบางคราวเท่านั้น
แต่ “ซินดี้-สิรินยา” ก็ออกมาเล่าประสบการณ์ทางสุขภาพบางช่วงบางตอนให้ฟังว่า “ซินดี้โชคที่ที่ไม่ได้เป็นคนมีปัญหาสุขภาพอะไรเยอะมาก แต่เริ่มสังเกตตัวเอง ตอนนี้กำลังจะอายุ 44 ปีแล้ว อาจจะยังไม่ถึงวัยทอง แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว รู้สึกหลับไม่ค่อยสนิท ประกอบกับตัวเองเป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็วอยู่แล้ว อารมณ์ก็แปรปรวนมากขึ้น จนสามีแนะนำให้ไปตรวจฮอร์โมน ก็ว่าจะไปตรวจอยู่เหมือนกัน”
ดังนั้นแล้วฮอร์โมนสำคัญขนาดไหน สัญญาณเตือนแบบไหนที่ควรจะเข้าไปพบแพทย์ และควรจะดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้ปัญหาเหล่านี้มากวนใจ วันนี้เราได้ไปสัมภาษณ์ นพ.ธนภพ บำเพ็ญเกียรติกุล สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ทางเพศและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เพื่อมาคลายทุกข้อสงสัยให้ทุกคนกัน
“วัยทอง” ช่วงวัยที่ใครก็ต้องเจอ
วัยทอง คือ ช่วงวัยที่ร่างกายคนเรามีภาวะฮอร์โมนเพศลดลง เกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ในผู้หญิงจะลดลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มีอาการแสดงออกของวัยทองที่ค่อนข้างชัดเจนและรุนแรง ขณะที่ผู้ชายจะมีลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนและรุนแรงเหมือนอย่างผู้หญิง
สัญญาณเริ่มเข้าสู่วัยทอง
อายุที่จะเข้าสู่วัยทองโดยเฉลี่ยของคนไทย จะอยู่ที่ประมาณ 49-51 ปี หรืออาจจะบวกลบได้ 5 ปี และถ้าเราเริ่มเข้าสู่วัยทอง อาการที่จะเริ่มเห็นกัน ได้แก่
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ร้อนวูบวาบ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- อารมณ์แปรปรวน โดยอาจเป็นได้ทั้ง หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย และซึมเศร้า เหงา เบื่อ ไม่อยากออกไปพูดคุยกับใคร
- นอนหลับไม่ได้
อาการเหล่านี้แม้จะไม่รุนแรง แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ถ้าเกิดปล่อยให้เป็นไปนานๆ ก็จะเริ่มส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ช่องคลอดแสบแห้ง จนทำให้การมีเพศสัมพันธ์มีปัญหาได้ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือ อาจจะเกิดโรคดูกพรุน กระดูกบางตามมาได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดไม่รู้ตัว หกล้มจนกระดูกหัก ในบางกรณีเช่นกระดูกสันหลังหรือข้อสะโพกหัก ซึ่งถือเป็นภาวะที่มีอันตรายสูง อาจทุพพลภาพหรือถึงกับเสียชีวิตได้
อาการวัยทอง 3 ระยะ
เนื่องจากการผลิตฮอร์โมนลดลง ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามมา ซึ่งทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวรร่วมด้วย แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
- ระยะก่อนหมดประจำเดือน (perimenopause)
เป็นระยะเริ่มของการหมดประจำเดือนทำให้สตรีมีประจำเดือนมาผิดปกติ ร่วมกับมีอาการทางร่างกาย เช่น ร้อนวูบวาบ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์จะแปรปรวน ซึ่งระยะนี้จะเกิดประมาณ 2-3 ปี
- ระยะหมดประจำเดือน (menopause)
เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือนมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี
- ระยะหลังหมดประจำเดือน (postmenopause)
เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลังหมดประจำเดือนมาแล้ว 1 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ช่องคลอดตีบแคบ กระดูกพรุน และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆได้ง่าย
การรักษาอาการวัยทอง
อาการของวัยทองทั้งหมดมาจากภาวะร่างกายที่ฮอร์โมนเพศลดลง ดังนั้นการรักษาวัยทอง จึงเป็นการ “รักษาตามอาการ” ซึ่งจะแบ่งการรักษาออกเป็น 2 รูปแบบ คือ “แบบใช้ฮอร์โมนรักษา” และ “แบบไม่ใช้ฮอร์โมนรักษา”
- แบบใช้ฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง
การใช้ฮอร์โมนทดแทน เป็นการใช้ฮอร์โมนทดแทนสิ่งที่เราหยุดผลิตขึ้นมา ตัวอย่างฮอร์โมนที่ใช้เช่นกลุ่มเอสโทรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่สร้างขึ้นมาจากรังไข่ ถ้ารังไข่เลิกทำงานไปแล้ว เราก็จะใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจน ซึ่งโดยส่วนมากแพทย์จะให้เป็นยาเม็ดกินเข้าไปแทน จะลดอาการวูบวาบได้ ลดอาการช่องคลอดแห้งได้ และลดการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ แต่ถ้าในบางรายอาจได้รับผลข้างเคียงจากการรับประทานยาเม็ด แพทย์จะเปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่นแทน เช่น ยาทาผิวหนัง หรือ ยาแปะที่ผิวหนัง
- แบบไม่ใช้ฮอร์โมนทดแทน
สำหรับบุคคลใดที่ไม่ได้มีอาการวัยทองรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้ วิตามิน กรดอะมิโน เข้าช่วย เพื่อให้หลับได้ดีขึ้น ใจเย็นขึ้น และไม่หงุดหงิดง่าย ส่วนอาการร้อนวูบวาบ แพทย์จะเลือกพิจารณาให้ใช้ สมุนไพรที่มีสรรพคุรและมีเลขทะเบียน อย.กำกับอย่างถูกต้อง รวมถึงอาจมีการแนะนำให้ปรับพฤติกรรมร่วมด้วย เช่น การจัดสภาพแวดล้อมการนอนให้ดี การเตรียมตัวเข้านอนก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ด้วยการงดเล่นโทรศัพท์ งดการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การนอนบนเตียงนอน เพื่อให้สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
ข้อดีของการใช้ฮอร์โมนทดแทน
- สุขภาพกระดูกดีมากขึ้น ป้องกันการเป็นกระดูกบาง และกระดูกพรุนในช่วงวัยทอง
- ลดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน
ผลข้างเคียงของการใช้ฮอร์โมนทดแทน
ยาทุกอย่างมีผลข้างเคียงอยู่แล้ว การใช้ฮอร์โมนก็เช่นเดียวกัน ในผู้หญิงบางท่านจึงอาจมีการตึงคัดเต้านม คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ หลังการใช้ฮอร์โมนได้ แต่อาการเหล่านี้มักจะเกิดในช่วงแรกๆ ถ้าใช้ไปสักระยะหนึ่ง อาการก็จะค่อยๆ ทุเลาลง
แต่มีจะมีในบางคนที่แพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้ยาฮอร์โมนทดแทน คือ ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน เช่น เคยเป็นมะเร็งเต้านม หรือมีภาวะเต้านมผิดปกติ หรือมีประวัติของโรคตับเพิ่มขึ้นผิดปกติ
วัยทองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ ใครที่สงสัยว่าตัวเองเข้าสู่วัยนั้นหรือยัง หรืออยากรักษาอาการกวนใจต่างๆ แม้จะยังไม่เข้าสู่วัยทองก็ตาม แนะนำว่าอย่าลังเล ถ้ามีสัญญาณเริ่มเข้าสู่วัยทองแล้ว ให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ได้เลย ยิ่งไวเท่าไร ยิ่งดี เพราะถ้าเรารักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วล่ะก็ อาการต่างๆ ที่คอยกวนใจเราก็จะค่อยๆ หายไป รวมถึงลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนได้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
สุดยอดโปรตีนจากพืช! “เต้าหู้” ดีต่อหัวใจช่วยปรับฮอร์โมนวัยทองให้คงที่