โควิด-19 รอบสัปดาห์ ยังลดต่ำ ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 56 คน เสียชีวิต 1 ราย
ข้อมูลโควิด-19 ประจำสัปดาห์ที่ 6 ไทยมีตัวเลขลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ติดเชื้อเฉลี่ยเหลือวันละ 56 คน และเสียชีวิต 1 ราย รวมถึงยอดผู้ป่วยอาการหนักต่ำกว่า 200 คน
กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ ระบุว่า ข้อมูลของสัปดาห์ที่ 6 ปี 2566 ระหว่างวันที่ 5 มกราคม – 11 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สะสม 392 คน เฉลี่ยวันละ 56 คน รวมสะสม 3,709 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ขณะที่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 12 คน เฉลี่ยวันละ 1 คน รวมสะสม 225 คน (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 98 คน และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 66 คน
จีนเผยประชากรติดโควิดแล้ว 80% คาดไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่หลังตรุษจีน
ญี่ปุ่นเตรียมลดระดับโควิด-19 เท่าไข้หวัดใหญ่ 8 พ.ค.นี้
ส่วนจำนวนผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ณ วันที่ ฉีดวัคซีนสะสม 144,766,009 โดส แบ่งเป็น วัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 57,212,227 โดส คิดเป็น 82.25% เข็มที่ 2 จำนวน 53,699,671 โดส คิดเป็น 77.20% และตั้งแต่เข็มที่ 3 ขึ้นไป จำนวน 33,854,111 โดส
สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นับมาเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดต่ำแม้จะมีการผ่อนคลายมาตราการเข้าประเทศมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ (7 กุมภาพันธ์ 66) นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลง อัพเดตสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย ว่าโอมิครอน BN.1 ยังเป็นสายพันธุ์หลักในไทย สำหรับผลตรวจ RT-PCR วัตถุประสงค์คัดกรองก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ระหว่าง วันที่ 8 ม.ค. - 3 ก.พ. 2566 ขณะนี้ตรวจ 2,022 ราย คนไทยติดเชื้อ 1.79% คนจีนเฉลี่ย 4.2% อินเดียไม่ค่อยเจอ แต่ตรวจน้อยกว่าชาติอื่น และสัญชาติอื่นๆ อีก 3.43% โดยทั้งหมดจะมาตรวจสายพันธุ์แต่ต้องใช้เวลาในการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว ส่วนแนวโน้มเป็นสัปดาห์ อัตราที่พบลดลงเกือบทั้งหมด อย่างสัญชาติอื่นๆ จากสัปดาห์แรกเคย 10 กว่า% ลดลงเหลือ 1% กว่าๆ สัญชาติจีนจาก 7% เหลือ 2% กว่า ไทยก็ลดลงสัปดาห์สุดท้ายไม่เจอด้วยซ้ำ สถานการณ์โดยรวมไม่น่าจะมีปัญหา
WHO เผยยังไม่พบโอมิครอน XBB 1.5 ที่ทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม
ด้าน นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุไว้ว่า
ขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในประเทศไทยอยู่ในช่วงขาลง จำนวนคนติดเชื้อและคนป่วยหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นอีก เพราะเชื้อไวรัสโควิดตัวใหม่สายพันธุ์ XBB.1.5 จะเข้ามาไทยจากคนเดินทางจากประเทศตะวันตกไม่ช้าก็เร็ว
ไวรัสโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 พัฒนามาจาก XBB ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศอินเดียในเดือนสิงหาคม 2565 XBB เป็นลูกผสมของไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75
XBB มีการกลายพันธุ์ที่ช่วยให้เอาชนะภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ และสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 มีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนปุ่มหนามตำแหน่ง F486P ซึ่งมีความสามารถในการยึดเกาะกับเซลล์ได้ดีขึ้น ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆถึง 5 เท่า ขณะนี้ XBB.1.5 ขึ้นครองอันดับ 1 ในประเทศสหรัฐอเมริกาแทนที่สายพันธุ์ BQ.1.1 และ BQ.1 แล้ว
เชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศไทยในขณะนี้เป็นสายพันธุ์ BA.2.75 ยังไม่ใช่ XBB.1.5 คนไทยไม่ต้องตื่นกลัวสายพันธุ์ XBB.1.5 เท่าที่ทราบสายพันธุ์ XBB.1.5 ความรุนแรงไม่ได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้คนป่วยหนักกว่าสายพันธุ์โอมิครอนอื่นๆ XBB.1.5 ติดกันง่ายมาก คนที่ยังไม่เคยติดเชื้อโควิด ในที่สุดก็จะติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้ นอกจากนี้คนที่ได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นแล้วหรือเคยติดเชื้อก็ยังติดเชื้อนี้ได้อีก เพราะ XBB.1.5 หลบหลีกภูมิคุ้มกันเก่งกว่าสายพันธุ์อื่น แต่คนส่วนใหญ่ถ้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเคยติดเชื้อมาก่อนจะป่วยไม่มาก การหลบหลีกภูมิคุ้มกันอาจทำให้การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Evusheld ไม่ได้ผล แต่ยาต้านไวรัสเรมเดซิเวียร์ แพ็กซ์โลวิด และโมลนูพิราเวียร์ยังใช้ได้ผลเหมือนเดิม
โควิด-19 รอบสัปดาห์ ลดต่ำ ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 36 คน เสียชีวิต 4 ราย
สธ.ยันโควิด CH.1.1 อาจหลบภูมิได้ดี แต่แพร่ช้ากว่าสายพันธุ์หลักในไทย