ยุทธวิธีล่าสุดโควิด19 “กลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว” คาดสายพันธุ์หลักในอนาคต
ศูนย์จีโนม เผย ยุทธวิธีล่าสุดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ GK (XBB.1.5.70) และ และ HK เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกันและจับยึดกับผิวเซลล์ได้แน่นขึ้น เหนือกว่า XBB รวมทั้ง เอริส “EG.5” ด้วยการกลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว(Flip combo mutation) พบมากใน บราซิล -สเปนยังไม่พบในไทย แต่คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ XBB สายพันธุ์เดิมในอนาคตอันใกล้
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ถึงการกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งนับเป็นยุทธวิธีล่าสุดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ GK (XBB.1.5.70) และ และ HK เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกันและจับยึดกับผิวเซลล์ได้แน่นขึ้น เหนือกว่า XBB รวมทั้ง เอริส “EG.5” ด้วยการกลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว(Flip combo mutation)
WHO ประกาศให้โควิด-19 สายพันธุ์ “เอริส” (Eris) เป็นสายพันธุ์ต้องสนใจ
ศูนย์จีโนม เผย “EG.5.1” ยังไม่สามารถแทนที่ “XBB.1.16” ในไทยได้
นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าโควิดมีกลยุทธ์ใหม่ (New trick) เป็นวิวัฒนาการเพื่อการอยู่รอด สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติได้ ยึดจับกับผิวเซลล์ได้ดีขึ้น เรียกว่า “Flip หรือ พลิก” กล่าวคือมีการกลายพันธุ์สองตำแหน่งติดกัน (double/combo mutation) แบบพลิกขั้ว คือ L455F และ F456L ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับกรดอะมิโน “ฟีนิลอะลานีน (F)” และ “ลิวซีน (L)” โดยตำแหน่งที่กลายพันธุ์แรกจะพลิกขั้วจาก L เป็น F และตำแหน่งถัดมาพลิกขั้วจาก F เป็น L เมื่อรวมการเปลี่ยนแปลงทั้งสองเข้าด้วยกันจะทำให้ส่วนหนามของไวรัสหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันและจับกับผิวเซลล์ (ACE2) ได้แน่นขึ้น ทำให้ไวรัสแทรกเข้าสู่เซลล์ได้ดียิ่งขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า การกลายพันธุ์คู่-พลิกขั้ว (Flip combo mutation) ทำให้เกิด XBB สองสายพันธุ์ใหม่ขึ้น
- GK หรือ XBB.1.5.70 มีต้นตระกูลมาจาก XBB.1.15 เกิดกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกันคือ L455F และ F456L และ
- HK.3 หรือ XBB.1.9.2.5.1.1.3 มีต้นตระกูลมาจาก EG.5.1 มีการกลายพันธุ์บนส่วนหนามสองตำแหน่งติดกันคือ L455F และ F456L
พบโอไมครอนที่มีการกลายพันธุ์พลิกขั้ว(Flip combo mutation) มากใน “บราซิล” พบ “สเปน” ยังไม่พบ ในประเทศไทย คาดว่าทั้งสองสายพันธุ์จะระบาดมาแทนที่ XBB สายพันธุ์เดิมรวมทั้ง EG.5.1 ในอนาคตอันใกล้
คุณสมบัติ “ซุปเปอร์แวเรียนท์” โควิดสายพันธุ์ผสมระบาดหนักในอเมริกา
จากการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งทำให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯได้กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ว่าการฉีดวัคซีนในปลายปี 2566- ต้นปี 2567 ควรใช้วัคซีนสายพันธุ์เดียวหรือ “โมโนวาเลนต์” ที่มุ่งเป้าไปที่โอมิครอน XBB สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5, XBB.1.16 หรือ XBB.2.3 เป็นอย่างน้อยเท่านั้นเพื่อให้ทันต่อการกลายพันธุ์ไปข้างหน้าของโควิด-19 โดยไม่ต้องผนวกสายพันธุ์ดั้งเดิม อาทิ สายพันธุ์อู่ฮั่น อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา โอมิครอน-BA.1,BA.2,BA.4,BA.5 เข้าไปในวัคซีนเพราะไม่พบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าโอไมครอน XBB จะกลับมาระบาดซ้ำอีก
โควิด-19 รอบสัปดาห์ ผู้ติดเชื้อ-ป่วยหนักยังทรงตัวยอดเสียชีวิตลดลง
WHO จับตา“ไวรัสแลงยา"หวั่นอาจมาแทนที่โควิด-19 เผยยังไม่มีวัคซีนรักษา