“ฝีดาษลิง”ยังน่าห่วงพบเยาวชนติดเชื้อ 16 ราย แนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง
กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์ฝีดาษลิงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รวม 316 ราย เสียชีวิต 1 ราย พบมากสุดเดือนสิงหาคม 145 ราย ขณะที่พบเยาวชนพบ 16 ราย แนะงดมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยหรือกับคนแปลกหน้า
กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์ระบาดโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มพบผู้ป่วยในกลุ่มเยาวชน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์คนแปลกหน้าที่ไม่ทราบประวัติ หรือมีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน แนะหากสงสัยมีประวัติเสี่ยง ให้รีบเข้ารับการตรวจรักษาและแจ้งข้อมูลความเสี่ยงแก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อประกอบการวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำเช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
เตือน! “ฝีดาษลิง” กทม. 3 วันพบ 10 ราย พุ่งเดือนละ 40 ราย เร่งสอบสวนโรค
รายแรกในไทย! ผู้ป่วย HIV ติดเชื้อฝีดาษวานรเสียชีวิต!
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดของโรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 มีรายงานผู้ป่วยรวม 316 ราย (เสียชีวิต 1 รายเป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง) พบว่าเป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมากถึง 271 ราย (ร้อยละ 85.8) มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 143 ราย (ร้อยละ 45.3) มีสัญชาติไทย 277 ราย ชาวต่างชาติ 36 ราย ไม่ระบุ 3 ราย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (198 ราย) จังหวัดชลบุรี (22 ราย) นนทบุรี (17 ราย) และสมุทรปราการ (12 ราย) ผู้ป่วย ส่วนใหญ่อายุ 30-39 ปี จำนวน 152 ราย รองลงมาอายุ 20-29 ปี จำนวน 85 ราย กลุ่มเยาวชน อายุ 15-24 ปี จำนวน 28 รายซึ่งกลุ่มเยาวชนมีความเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ 4 เดือนย้อนหลังพบการระบาด อย่างต่อเนื่อง
- พฤษภาคม 22 ราย
- มิถุนายน 48 ราย
- กรกฎาคม 80 ราย
- สิงหาคม 145 ราย
เกือบทั้งหมดเป็นคนไทย และรับเชื้อภายในประเทศ ในจำนวนนี้มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานรเสียชีวิต 1 รายเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการรุนแรงและติดเชื้อฉวยโอกาสแทรกซ้อน
ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนยา Tecovirimat (ชื่อการค้า TPOXX) จากองค์การอนามัยโลกให้นำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสกลุ่ม Poxvirus เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการมากและแพทย์รับเข้ารักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น อย่างไรก็ตามในระยะแรกของการแพร่เชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทยกลุ่มเสี่ยงเป็นชายวัยทำงานแต่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเริ่มพบเยาวชนติดเชื้อฝีดาษวานรเพิ่มมากถึง 16 ราย
โดยมีรายงานจากทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีและหน่วยงานในพื้นที่ สอบสวนผู้ป่วยยืนยันฝีดาษวานรรายหนึ่งเป็นนักเรียนชาย อายุ 16 ปี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2566 เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ด้วยอาการตุ่มน้ำใสขึ้นตามร่างกาย ร่วมกับอวัยวะเพศบวมอักเสบ ตรวจพบเชื้อฝีดาษวานรประวัติเสี่ยง ผู้ป่วยมีเพศสัมพันธ์กับหลายคน ดำเนินการติดตามอาการของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน จนครบ 21 วันนับตั้งแต่วันสัมผัสผู้ป่วยวันสุดท้าย ยังไม่พบผู้ป่วยในครัวเรือน
ขอย้ำเตือนเยาวชนเเละกลุ่มชายรักชายให้งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไม่สัมผัสใกล้ชิดเนื้อเเนบเนื้อ หรือกอดจูบกับผู้ที่ไม่รู้จัก
สถานการณ์ผู้ป่วยในไทยเริ่มแพร่ระบาดจากกลุ่มวัยทำงาน วัยรุ่น ไปสู่กลุ่มที่อายุน้อยลงได้แก่เยาวชนวัยเรียนเเล้ว
สธ.เผยเดือนเดียวพบฝีดาษวานร 48 ราย สูงขึ้น 2.3 เท่า
ขอให้ตระหนักว่า เยาวชนต้องป้องกันตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดโรค โดยสังเกตรอยโรค อาการเเสดง เเละสังเกตดูผิวหนังตามร่างกายของคู่นอน ว่ามีผื่นแบนหรือนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนองเเละตกสะเก็ด มักพบตามอวัยวะเพศรอบทวารหนัก แขน ขา หรือฝ่ามือฝ่าเท้า ลำตัว ศีรษะ ก่อนหน้าจะเกิดอาการมักมีไข้ร่วมกับอาการอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลืองบวมโต เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
หากสงสัยติดเชื้อฝีดาษวานร ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา พร้อมกับแยกตัวออกจากสมาชิกในครอบครัว ที่พัก หรือ สถานที่ทำงาน ไม่รับประทานดื่มน้ำด้วยภาชนะร่วมกับผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ช่วงป่วย การรักษาความสะอาดทำความสะอาดเสื้อผ้าเครื่องนอนเครื่องใช้แยก ใช้สุขาแยก หรือ ทำความสะอาดด้วยการเช็ดน้ำยาทำลายเชื้อกลุ่มสารซักฟอก เช่น ไฮโปคลอไรต์ น้ำสบู่ เป็นต้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
ภาพจาก : Shutterstock
เช็กอาการนำ “ฝีดาษวานร” การติดต่อโรค ระยะฟักตัว และ วิธีป้องกัน
องค์การอนามัยโลกยกเลิก "โรคฝีดาษลิง" เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว