รองผบช.น. แจงเหตุใช้แก๊สน้ำตา ยันไม่ได้ใช้กระสุนจริง - สั่งสอบไอซ์ในรถตู้ สน.บุคคโล
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
“พล.ต.ต.ปิยะ” สรุปเหตุการณ์และแนวทางการปฏิบัติของตำรวจต่อการชุมนุม เผยจำเป็นต้องฉีดน้ำ ใช้แก๊สน้ำตา ยันไม่ไม่ได้ใช้กระสุนยาง และกระสุนจริง พร้อมสั่งสอบไอซ์ที่พบในรถตู้ตำรวจ

"ส.ส.รังสิมันต์" โพสต์ เจอไอซ์ อุปกรณ์เสพ ในรถตำรวจ หลังปะทะผู้ชุมนุม ด้านตร.แชร์ว่อนรถราชการยับเยิน
"หมอวรงค์" ออกแถลงการณ์ ม็อบราษฎรยั่วยุ เริ่มก่อน ทำให้ "ม็อบเสื้อเหลือง" ต้องปะทะ!
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงสรุปลำดับเหตุการณ์และแนวทางการปฏิบัติของตำรวจต่อการชุมนุมของมวลชนเสื้อเหลืองและกลุ่มราษฎรที่รัฐสภา เกียกกาย ว่า การปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมาย ตั้งแต่การเตือนผู้ชุมนุมผ่านแกนนำและสื่อมวลชน พอเกิดการชุมนุมก็ตั้งแนวตามระยะทางการเดินของผู้ชุมนุม แต่มีการฝ่าแนวกั้น รื้อถอนทำลายรั้วหนามและแบริเออร์เข้าเขต 50 เมตรของรัฐสภา มีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อตำรวจ มีผู้ปาพลุควันพลุไฟเข้ามา จึงต้องฉีดน้ำเตือนตามมาตรการกฎหมาย แต่ผู้ชุมนุมไม่หยุดการกระทำ ตำรวจจึงใช้น้ำผสมสารเคมีฉีดเตือนผู้ชุมนุม ก่อนจะใช้แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง แล้วตำรวจก็ถอยร่นไปจนถึงหน้าประตูรัฐสภา
ทั้งนี้ ยืนยันว่ามาตรการต่าง ๆ นั้นใช้ตามความจำเป็น เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายใหญ่โตในบ้านเมือง อะไรที่ไม่จำเป็นจะยังไม่ใช้ โดยเลือกใช้เฉพาะวิธีที่เหมาะสมกับการชุมนุมครั้ง ยืนยันไม่มีการใช้กระสุนยางและกระสุนจริงไปปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้แน่นอน
ขณะที่สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ไม่สกัดกั้นการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ตำรวจพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะโดยจัดผู้ชุมนุมคนเสื้อเหลือง อยู่คนละฟากถนน โดยได้นำแผงเหล็กมากั้นระหว่างมวลชน 2 ฝ่ายที่ สำหรับความเสียหายทางทรัพย์สินราชการ เบื้องต้นมีรถตำรวจและทรัพย์สินกรุงเทพมหานคร เช่น รั้วเหล็กต่าง ๆ มีจำนวนมากพอสมควร ขณะเดียวกัน ก็กำลังตรวจสอบเหตุที่พบไอซ์และยาเสพติดในรถ สน.บุคคโล เช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 00.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้เข้าตรวจสอบรถบัสของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน หมายเลขทะเบียนตราโล่ 13465 ที่จอดอยู่ตรงบริเวณริมถนนทหาร ใกล้กับแยกเกียกกาย เนื่องจากมีร่องรอยของกระสุนเข้าที่บริเวณด้านหน้ารถออกบริเวณด้านท้ายรถฝั่งขวา เพื่อตรวจหาวิถีกระสุน พร้อมตรวจหาพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ รวมทั้งปลอกกระสุนหัวกระสุน แต่การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแสงสว่างน้อย ประกอบกับพื้นผิวถนนทหารมีเศษหินเศษกระจก ขวดน้ำตกเกลื่อนกลาดเต็มพื้นถนน
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่อีโอดีได้ลงพื้นที่ตรวจบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา แยกเกียกกาย และบริเวณโดยรอบ เพื่อตรวจหาวัตถุต้องสงสัย เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติ ส่วนทางเจ้าหน้าที่สำนักรักษาความสะอาดเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้เข้าเก็บขยะ และเคลียร์พื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรผ่านไปมาได้ 1 ช่องทางเช่นเดียวกับบริเวณถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่เจ้าหน้าที่ต้องนำรถยกลากรถตู้ตำรวจที่จอดตาย เนื่องจากถูกปลดลมล้อและพังเสียหาย จนใช้งานไม่ได้ โดยได้นำรถตู้ตำรวจไปเก็บไว้ที่บริเวณท่าเรือเกียกกายเพื่อทำการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียด
นอกจากนี้ รถเมล์ที่จอดขวางอยู่ไม่สามารถใช้งานได้โดยถูกรื้อค้นและตัดสายไฟ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วนได้มายกรถเมล์ที่นำมาจอดขวางออกจากบริเวณแยกเกียกกาย เพื่อจะได้เปิดการจราจรต่อไป โดยเจ้าหน้าที่จะนำรถเมล์ไปเก็บไว้ที่บริเวณท่าเรือเกียกกาย เพื่อทำการตรวจสอบความเสียหายด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ภายหลังจากกลุ่มราษฎรประกาศยุติการชุมนุมหน้ารัฐสภา มีการสำรวจความเสียหาย พบว่ารถของทางราชการ ที่นำมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในครั้งนี้ ถูกทำให้เสียหายจำนวนมาก เช่น รถฉีดน้ำควบคุมฝูงชนจำนวน 3 คัน ถูกบุกรื้อเสียหายหนัก ถูกปล่อยลมยาง พ่นสีต่อว่าเจ้าหน้าที่ พร้อมกับถ้อยคำหยาบคาย ส่วนรถที่ใช้เติมน้ำ ก็ได้รับความเสียหายบริเวณเครื่องยนต์ ถูกปล่อยลมยาง
ขณะที่รถตู้ของตำรวจ และรถควบคุมผู้ต้องขัง ก็ถูกปล่อยลมยาง ทำลายกระจก และพ่นข้อความต่อว่าเช่นกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งรถเมล์ที่ถูกนำมาจอดขวางผู้ชุมนุม
ด้านศูนย์เอราวัณได้เปิดเผยยอดผู้ได้รับบาดเจ็บรวมแล้ว 41 รายแบ่งเป็นที่ รพ.วชิรพยาบาล 37 ราย รพ.รามา1ราย รพ.พระราม9 2 ราย และรพ.เพชรเวท 1 ราย
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้