ก.คลัง ตั้งคณะทำงานตรวจสอบทุจริต “คนละครึ่ง”
ลงทะเบียน "คนละครึ่ง เฟส 2" เริ่ม 6 โมงเช้า 16 ธ.ค. มั่นใจระบบไม่ล่มแน่นอน
การตั้งคำถามผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของ โฟกัส จีระกุล นักแสดงสาว ต่อกระแสจากโครงการคนละครึ่ง ที่วันนี้เปิดให้ลงทะเบียนเฟส2 และมีหลายคนตัดพ้อว่า ไม่สามารถลงทะเบียนได้ทัน และจำนวนสิทธิของที่รัฐบาลให้ไม่เพียงพอกับความต้องการ โดย โฟกัส ถามว่า
แม้จะมีคำถามลักษณะนี้เกิดขึ้นกับคนจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มาจากหลักการของโครงการคนละครึ่ง ที่ได้รับความนิยมและตอบโจทย์การใช้จ่ายของประชาชนในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ที่สำคัญตัวเงินในโครงการและการจ่ายสมทบของประชาชน ยังหมุนเวียนไปสู่คนทุกระดับ โดยหากมีการใช้จ่ายเต็มจำนวนสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 1 และเฟส 2 รวม 15 ล้านสิทธิ โดยหลักการของโครงการนี้จะทำให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิใช้จ่ายคนละ 3500 บาท รวมเป็น 52,500 ล้านบาท โดยรัฐบาลจ่ายเงินสมทบสิทธิละ 3500 บาท หรือรวมเป็นเงิน 52,500 ล้านบาท นั่นหมายความว่า หากมีการใช้จ่ายเต็มวงเงินทุกสิทธิจะมีเงินลงสู่ระบบจับจ่ายใช้สอยถึง 105,000 ล้านบาท
เงินจำนวนนี้จะถูกจ่ายไป พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย จากนั้นผู้ค้ากลุ่มนี้ก็จะไปซื้อสินคาจากโรงงาม ห้างค้าปลีก ห้างค้าส่งไปขายต่อ และกลุ่มโรงงานห้างค้าปลีกค้าส่ง ก็จะไปซื้อสินค้าจากแหล่งผลิตวัตถุดิบ เช่น แพปลา นาข้าว สวนผลไม้ นั่นหมายความว่า เงินจะหมุนตั้งแต่ร้านค้าเล็กๆ ภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร
สำหรับคำถามว่า เงินที่รัฐบาลนำมาใช้จ่ายในโครงการนี้มาจากไหน และเป็นธรรมหรือไม่ ที่ไม่ให้สิทธิทุกคน แต่ทุกคนต้องร่วมกันใช้หนี้จากภาษีที่นำมาใช้จ่ายทำโครงการคนละครึ่ง
คำถามลักษณะนี้ นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เคยอธิบายไว้ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ว่าที่มาเงินในโครงการนี้มาจาก พระราชกำหนดเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อเยียวยาฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 ที่จะใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและแรงงาน 4 แสนล้านบาท
ส่วนคำถามว่าเป็นธรรมหรือไม่ที่ทุกคนต้องร่วมกันใช้หนี้จากเงินกู้ก้อนนี้ แต่กระจายสิทธิไม่ทั่วถึงตามความต้องการ รองโฆษกกระทรวงการคลังอธิบายว่า เงินส่วนนี้เป็นหนี้ของรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่ไปหาเงินมาชำระหนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเก็บภาษี แต่ช่วงนี้มีความจำเป็นต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตแพร่ระบาดโควิด-19 และประเทศไม่มีเงินมากพอจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งทั้งหมดถือเป็นข้อจำกัดในการดำเนินโครงการ
ล่าสุดวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยระหว่างเดินทางไปเปิดรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับสายสีทองว่า การลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ต้องตรวจสอบคุณสมบัติกันอีกครั้ง ถ้าใครไม่เข้าเงื่อนไข ก็จะถูกตัดสิทธิและเปิดให้คนที่เข้าเกณฑ์มาลงทะเบียนใหม่ และเวลานี้รัฐบาลอยู่ระหว่างพิจารณาว่ามีเงินพอและมีความจำเป็นต้องขยายโครงการเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการขยายเฟส 3 และ 4 ก็ได้ โดยจะมีสถานการณ์โควิด-19 กับสถานะการเงินในคลังเป็นเงื่อนไขในการ
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตโครงการคนละครึ่ง วันนี้ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีถึงที่มาของโครงการว่าใครเป็นต้นคิดสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ที่มาของแนวคิดมาจากตัวเองในฐานะคนทำงานระดับนโยบาย ที่มีโครงการต่างๆเข้ามา โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการจ่ายเงินให้กับประชาชน เมื่อเป็นเช่นนั้น ตัวเองเลยบอกว่า รัฐบาลจะจ่ายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการจ่ายสมทบ หลังจากนั้นคณะทำงานก็ไปคิดรูปแบบมาเสนอ
นายกฯ ยืนยันว่า ที่มาของโครงการนี้ มีทีมงานคิดรายละเอียดและประเมินความคุ้มค่า ที่ต้องมีลักษณะจ่ายเป็นระยะ และมีนโยบายลักษณะนี้ทุก 3 เดือนออกมา