นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การจัดการการศึกษาของประเทศไทย หลายปีที่ผ่านมทาเห็นความพยายามของรัฐบาลที่จะทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะยังคงเป็นการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ดูจากการระบาดของไวรัสโควิดครั้งแรก มีการผลักดันการเรียนออนไลน์ กระทรวงศึกษาธิการผลักภาระในการจัดหาอุปกรณ์ทางการศึกษาให้กับผู้ปกครอง ทั้งคอมพิวเตอร์ ทั้งสมาร์ทโฟน และระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่กระทรวงศึกษาธิการก็ไม่เดินหน้าต่อในโครงการนี้ ส่งผลให้ผู้ปกครองต้องเสียเงินโดยใช่เหตุแต่รัฐบาลก็ไม่สนใจ
นักศึกษาจบใหม่ เสี่ยงตกงานปีนี้ 8 แสนคน
ล่าสุดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 2 กระทรวงศึกษาก็นำรูปแบบนี้มาเริ่มต้นใหม่ โดยไร้แผนการบริหารจัดการในการที่จะทำให้เด็กทุกคนข้าถึงโอกาสทางการศึกษา รัฐบาลเปิดการเรียนการสอนรอบใหม่ทั่วประเทศ หลายโรงเรียนเปิดได้แต่ต้องจัดรูปแบบใหม่ ทั้งเรียนในห้องเรียนและเรียนผ่านระบบออนไลน์ ก็ถือว่าดีแต่ในขณะที่เด็กในพื้นที่สีแดงเข้ม จำนวนมากกว่า 1.7 แสนคนไม่มีที่เรียน สอดรับกับการวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ชี้ให้เห็นว่าการเรียนออนไลน์ของไทยยังไม่มีคุณภาพพอ
“กรณีนักศึกษาจบมาแล้วไม่มีงานทำ ซึ่งในแต่ละปีมีนักศึกษาจบจากระบบมหาวิทยาลัยสู่สังคมประมาณ 5 แสนคนต่อปี ซึ่งตกงานทันทีมากกว่าปีล่ะ 3 แสนคน หลายปีที่ผ่านมาพบว่ามีนักศึกษาจบใหม่ตกงานมากกว่า 2-3 ล้านคน ที่เป็นเช่นนี้เพราะกระทรวงศึกษาไม่เคยแก้ปัญหาหรือไม่ให้ความสำคัญ ไม่มีการผลิตนักศึกษาให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐมนตรีศึกษาอยู่แต่ในห้องแอร์ไม่เคยรับรู้ถึงความต้องการแรงงานจริง การแก้ปัญหาจึงไม่เกิดขึ้น” นายวันนิวัตน์ กล่าว
เปิดแนวทาง "จ้างเด็กจบใหม่" รัฐช่วยจ่ายเงินเดือนให้ครึ่งหนึ่ง