“ก้าวไกล” ถาม “ภูมิใจไทย” สัญญาอะไรไว้กับประชาชน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“วิโรจน์” แนะ ประชาชน ถาม “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” ยังคงจะร่วมรัฐบาลต่อไปอีกหรือไม่

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยวอล์คเอ๊าท์การลงมติร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ว่า จริงๆไม่ได้อยากให้ความเห็น ในกรณีนี้เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องประเมินการกระทำในวันนี้ของพรรคภูมิใจไทยเทียบกับคำมั่นสัญญาที่พรรคการเมืองพรรคนี้เคยให้ไว้กับประชาชนเอง พร้อมกับต้องเอาการขอโทษและการผิดสัญญา ที่ผ่านๆ มานี้มาประเมินร่วมด้วย

"วิโรจน์" เจอโห่ไล่หลังทวงสัญญาจัดซื้อวัคซีน

ทั้งนี้เนื่องจากมีการพาดพิงถึงการตัดสินใจที่เคารพคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนของพรรคก้าวไกล จึงมีความจำเป็นต้องออกความเห็นเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่า พรรคไหนเป็นพรรคที่ยึดมั่นกับคำมั่นที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้กับประชาชน และควรจะเป็นที่ฝากความหวังของประชาชนต่อไปได้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องถามพรรคภูมิใจไทยว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้ตระบัดสัตย์ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนมากี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่กรณีที่ตัดสินใจร่วมรัฐบาล เพื่อให้เผด็จการคสช. ได้สืบทอดอำนาจ ทั้งพี่ได้เคยให้คำมั่นเอาไว้ว่า จะไม่ยอมให้ ส.ว. 250 คน ที่ไม่ได้มาจากประชาชน มาเลือกนายกฯ ซึ่งประชาชนที่ได้ยินคำพูดนี้ ต่างก็เข้าใจว่า นี่คือคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่ยอมเป็นนั่งร้านให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจ แต่สุดท้ายก็ผิดคำพูด แล้วก็ชักแม่น้ำทั้งห้า มาเป็นข้ออ้าง ว่าประชาชนที่เข้าใจอย่างนั้น เป็นการตีความผิดกันไปเอง

อีกครั้งหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยเคยออกมาขอโทษประชาชนในการลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 1 จนประชาชนต้องเสียเวลา ไปกับการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งสุดท้ายแล้วต่างก็รู้ดีว่า ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการ อย่างไรก็จะไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชนคนไทยแน่ จนในวาระที่ 3 ก็ยังจะมาวอล์คเอ๊าท์อีก

ข้ออ้างในการวอล์คเอ๊าท์ของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่าเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ชะลอการลงมติออกไปก่อน แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์หลายท่าน โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรค ผู้ยื่นญัตติให้ชะลอ แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังอยู่ลงมติ โดยนายจุรินทร์ได้ลงมติ "เห็นชอบ" ในวาระที่ 3 ด้วย เหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยอ้างว่าการลงมติในวาระที่ 3 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านและเป็นจุดยืนของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นการกระโดดลงเหวฆ่าตัวตาย เพราะการลงมติในวาระที่ 3 ต้องพึ่งเสียง ส.ว. อย่างน้อย 84 เสียง

โฆษกพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า เรื่องที่ส.ว. จับเอาร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันและขัดขวางการคืนอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยที่แท้จริง มีหรือที่พรรคการเมืองที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานอย่างพรรคภูมิใจไทย จะเดาสถานการณ์ไม่ออก แล้วต่อซื่อและเดาในตอนแรกไม่ออกจริงๆ จากเหตุการณ์ในการลงมติในวาระที่ 2 ที่ ส.ว. ดื้อ ขอแก้ไขเพิ่มเติม ให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีผลกับอีก 38 มาตรา ทั้งๆ ที่ร่างนั้น ได้ผ่านชั้นกรรมาธิการมาแล้ว ก็ควรจะตาสว่างรู้ตัวได้แล้วว่า พฤติกรรมของ ส.ว. ชุดนี้นั้นเป็นอย่างไร กับพฤติกรรมของ ส.ว. อันที่จริงแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็รู้ในใจดีว่า ส.ว. ชุดนี้ คือตัวฉุดรั้งการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาของประเทศ และเป็นกลไกสำคัญที่เผด็จการวางเอาไว้เพื่อขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต่อให้รู้ว่าข้างหน้าเป็นเหวเป็นกองไฟหรือมีมวลชนจัดตั้งใส่เสื้อกลับด้านมายืนรอคุกคามอยู่ ถ้าเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกล ได้ให้คำมั่นเอาไว้กับประชาชนพรรคก้าวไกลก็จะขอรักษาคำมั่นไม่มีการชักแม่น้ำทั้งห้ามาเป็นข้ออ้างในการทำผิดคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน แม้ว่าการลงมติในวาระที่ 3 จะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตามแต่อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนได้มั่นใจแล้วว่าการมีอยู่ของ ส.ว. ชุดนี้ และการได้มาซึ่ง ส.ว. ตามกลไกของรัฐธรรมนูญนี้ นั้นมีแต่จะลิดรอน ลดทอนด้อยค่าอำนาจของประชาชน และการพัฒนาประเทศ ให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในฐานะเจ้าของอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยถ้ายังมี ส.ว. แบบนี้อยู่ในประเทศ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า 84 เสียงของ ส.ว. ไม่มีทางที่จะมีคุณค่ามากกว่าเสียงของประชาชนทั้งประเทศเลยและพรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดประตูบานแรก ของการพัฒนาประเทศ และดึงประชาชนทั้ง 67 ล้านคน ออกจากช่องแช่แข็ง เพื่อให้กติกาของประเทศ สามารถตอบสนองความฝันของพี่น้องประชาชนที่ต้องการที่จะมีสิทธิ และเสรีภาพ และการมีโอกาสที่เสมอภาค ในการที่จะมีปากท้อง และคุณภาพชีวิตที่ดี ต่อไปอย่างไม่ลดละ และจะร่วมแรงร่วมใจกับประชาชนทั้งประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ ส.ว. สามารถจับประชาชนไว้เป็นตัวประกันได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตามประชาชนคงต้องถือโอกาสนี้ ถามไปยังพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ว่า ในเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกอ้างว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญไรการเข้าร่วมรัฐบาล ถึงกับบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นี่ก็ย่อมถึงเวลาแล้ว ที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องตอบประชาชนว่า ยังคงจะร่วมรัฐบาลต่อไปอีกหรือไม่

“ก้าวไกล” ชูป้าย “ปล่อยเพื่อนเรา” กลางรัฐสภา

 

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ