ที่อาคารรัฐสภา ตลอดช่วงบ่ายวันนี้ สื่อมวลชนรอการแถลงข่าวของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และรักษาการเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย หลังเกิดปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรค จนมีการลาออกของกรรมการบริหารพรรค 15 คนเพื่อยุติปัญหา โดยเรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงว่าปัญหาในพรรคเมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ว่า หลังจากที่พา 18 ส.ส. ออกจากพรรคพลังประชารัฐก็รับปากจะดูแล และหลังจากที่ได้คณะกรรมการบริหารชุดแรกไปนั้นเป็นชุดเฉพาะกิจ เพราะตั้งใจจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคและตำแหน่งสำคัญ เพื่อทำให้พรรคมีจุดขายที่ชัดเจน
เครื่องบิน C130 ยางแตกคารันเวย์ ทอ.ขออภัยปิดสนามบินอุบลฯ
เฉลยแล้ว! ทนายเดชา เผย แม่ยอมรับส่งมือถือแตงโมไปอเมริกาให้บังแจ็ค
ร.อ.ธรรมนัส เผยว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาอยู่ต่างประเทศ และทราบเรื่องจาก ส.ส.ในพรรคที่โทรศัพท์ไปสอบถามกระแสข่าวที่อดีตหัวหน้าพรรคให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าอึดอัดใจ อยากจะลาออก โดยตั้งใจกลับมาเพื่อคุยและหาทางออกกับอดีตหัวหน้าพรรค พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธา แต่ปัญหากลับบานปลาย ช่วงที่อยู่บนเครื่องบิน ทำให้ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ทำให้คนในพรรคกังวลใจ จนตัดสินใจลาออกทั้ง 15 คน และยืนยันพรรคเศรษฐกิจไทยไม่ได้แตกหัก เพราะทุกคนในพรรคยังคงตำแหน่งเดิมเว้นแต่หัวหน้าพรรคที่ลาออกไป ซึ่งเตรียมจัดประชุมใหญ่พรรคเศรษฐกิจไทยในวันที่ 7 มิถุนายนนี้
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึงกรณี เรื่องความเห็นต่างกับหัวหน้าพรรค หลังจุดยืนพรรคเปลี่ยนแปลงไปเรื่องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเรื่องนี้คุยกันภายในพรรค ซึ่งพล.อ.วิชญ์ อาจไม่เห็นด้วยกับจุดยืนที่เปลี่ยนไป ทำให้จำเป็นจะต้องรักษาคนของพรรคที่อยู่ด้วยกัน และเห็นว่าอาจมีหลายเรื่องที่ต่างกัน โดยเฉพาะหลักการทำงานของระบบทหารที่ไม่สามารถนำมาใช้กับการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่สบายต่อกัน และยืนยันยังเคารพนับถือและการตัดสินใจของ พอ.อ.วิชญ์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ไม่ได้มีการคุยกัน และแสดงความพร้อมนั่งหัวหน้าพรรค เศรษฐกิจไทย หากคนในพรรคสนับสนุน
ทั้งนี้ ยังย้ำจุดยืนเดิม ว่าพรรคยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยพรรคจะพิจารณาลงมติเป็นเรื่องๆ ไป ก่อนยืนยันสมาชิกทั้ง 18 คนจะลงมติไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมกับให้การบ้านประเด็นท่อส่งน้ำภาคตะวันออกว่ามีรัฐมนตรีคนใดเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง หากเรื่องดังกล่าวสร้างความเสียหายกับบ้านเมือง ยืนยันจะไม่สนับสนุนรัฐมนตรีคนนั้นอย่างแน่นอน
ส่วนการพิจารณาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 พรรคเศรษฐกิจไทย จะพิจารณาว่าการจัดทำร่างกฏหมายที่ผ่าน ครม.มา เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะในปีหน้าสถานการณ์ บ้านเมืองย่ำแย่ต้องมีความละเอียดกลั่นกรองการจัดสรรงบประมาณ แต่ไม่ใช่การตั้งเป้าล้มรัฐบาล
ร.อ.ธรรมนัส ชี้ว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ประเทศบอบช้ำ และการดำเนินการใดโดยไม่มีเหตุผล-เอาแต่อารมณ์ตัวเองไม่ได้เด็ดขาด หลังมีกระแสว่าเศรษฐกิจไทยจะจับมือกับฝ่ายค้านเพื่อล้มรัฐบาลใน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งหากฝ่ายค้านมีข้อมูล เรื่องความไม่ถูกต้อง พรรคเศรษฐกิจไทยก็จะพิจารณาสนับสนุน ไม่ใช่ตั้งเป้าว่าจะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลทุกเรื่องไม่ใช่สไตล์ของพรรคเศรษฐกิจไทย
ยืนยันขับเคลื่อนเดินหน้าในนามพรรคเศรษฐกิจไทยต่อไป ไม่ได้กลับไปทำงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ย้ำ 18 ส.ส. มีโลกใบใหม่แล้ว หากจะกลับไปจะไปทำอะไร จะกลับไปทะเลาะกันเหมือนเดิมหรือไม่ สำหรับความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคเล็กกลุ่ม 16 มีการหารือกันตลอด และนัดจะพบกันใน 1-2 วันนี้
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันให้ความเคารพเหมือนเดิม ยังคงปรึกษาหารือเหมือนเดิมแต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง ก่อนจะทิ้งท้ายว่าไม่ได้มีการพูดคุยกันกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
'บิ๊กตู่'ลั่น เป็นนายกฯ ต้องรับผิดชอบทุกเรื่องอยู่แล้ว
ครม.ยังไม่เคาะ "เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4”
อย่างไรก็ตาม หาก ร.อ.ธรรมนัส ต้องการเดินเกมหักหน้า 3ป. ขณะนี้ยังขาดอีก 5 เสียง เพื่อโหวตคว่ำ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าหากมา นับดูเสียงทางฝั่งรัฐบาล เวลานี้ถ้าไม่นับ ‘พรรคเล็ก’ ที่มี 1-2 เสียงในสภา ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ จะมีเสียงทั้งหมด 248 เสียง ซึ่งในจำนวนนี้ มี ส.ส.อย่างน้อย 3 คน ที่มีแนวทางไปทางฝ่ายค้าน คือ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. , นายดล เหตระกูล ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคชาติพัฒนา และนายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่
ดังนั้นจังทำให้เสียงของ ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เหลือ 245 เสียง แต่ก็มีแรงหนุน จาก นพ.ระวี มาดฉมาดล พรรคพลังธรรมใหม่เข้ามาเติม 1 เสียง เป็น 246 เสียง
ขณะที่ เสียง ‘พรรคเล็ก’ ทั้งหมดเวลานี้ รวมกับ 3 เสียงใน ‘พรรคร่วม’ ซึ่งอาจเรียกว่า ‘กลุ่ม 16 ก็มีมากถึง 12 เสียง ถ้าจับมือ พรรคเศรษฐกิจไทย ของร.อ.ธรรมนัส ที่ทำหน้าที่ในสภาฯ 16 เสียง นี่นหมายความว่า ‘ร.อ.ธรรมนัส’ มีกำลังอยู่ในมืออย่างน้อย 28 เสียง และหาก 28 เสียง เป็นตัวแปรในสมการการเมือง
เท่ากับว่า ทั้งหมดนี้ไปรวมเสียงฝ่ายค้าน 209 เสียง ก็จะมีเสียงโหวตไม่ไว้วางใจ มากถึง 237 เสียง ซึ่งหากฝ่ายค้านได้เสียงเพิ่มจาก ส.ส. ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล อีกเพียง 5 เสียง ก็จะสามารถชี้ชะตารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไม่ยาก
หนุ่มยืนปัสสาวะถูกตามไล่ยิง เพื่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ย้อนอดีตผู้ว่าฯ กทม. 5 สมัย กับเรื่อง "พื้นที่สีเขียว"
