พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงาน สัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 15 “ทศวรรษใหม่ วิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัยต้องมาก่อน” กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “บทบาทผู้นำประเทศ” ว่า รัฐบาลขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกต่างๆโดยกำหนดเป้าหมายภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปีพร้อมกับกวดขันการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการแก้ไขต่างๆ แบบองค์รวมไว้ เพื่อป้องกันลดอุบัติเหตุและลดการบาดเจ็บเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตามท้องถนนให้ได้มากที่สุด
สุวรรณภูมิคัดกรองนักท่องเที่ยวเข้ม สกัดโรคฝีดาษลิง
“นายกฯ” ขอคนไทยช่วยกันประหยัดพลังงาน ใช้รถยนต์ส่วนตัวเท่าที่จำเป็น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุ วันนี้ปัญหาอุบัติเหตุทางท้องถนนกระจายอยู่หลายพื้นที่ แต่ก่อนอยู่ที่ถนนสายหลักแต่ปัจจุบันเริ่มอยู่ที่ถนนสายรองและกระจายในพื้นที่ท้องถิ่นมากขึ้น ขณะที่สาเหตุที่ตนได้รับรายงานมาอุบัติเหตุเกิดมากที่สุดจากรถจักรยานยนต์ อย่างการใช้ความเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อค ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร กฎหมายมีทุกตัวเจ้าหน้าที่รู้จับได้หมด แล้วจะเอาอย่างไรถ้าจะต้องการให้ดีให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือประเด็นของตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ตนให้นโยบายไปแล้วว่าให้มีการจับกุมทั้งหมดหากผิดกฎหมาย แล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้น หากต้องการให้ประชาชนยอมรับตรงนี้ นี่คือสิ่งที่ทำให้สังคมปลอดภัย หากร่วมมือกันคงไม่มีปัญหาจะต้องจับใครทั้งนั้น ไม่มีใครอยากจับไม่มีใครอยากลงโทษ และไม่อยากให้มีใครไปเสียชีวิต นี่คือสองด้านจะต้องคิด 2 ด้าน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ตำหนิประชาชนไม่ได้ ได้แต่เตือนและได้แต่บอกเจ้าหน้าที่ก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง สิ่งใดก็ตามที่พูดมาทั้งหมด คิดว่าไม่มีใครไม่เห็นด้วย ทั้งการใช้มาตรการและเข้มแข็ง สวมหมวกกันน็อค จับกุมดำเนินคดี ทุกเรื่องก็เป็นความเห็นของท่าน ว่าควรจะทำได้อย่างไรแค่ไหนอย่างไร ควรจะทำหรือไม่ทำ แต่อย่างน้อยตนก็มีการรับรองว่าเห็นด้วยกัน และยอมรับว่าแรงกดดันกดทับมาจากหลายส่วน ขณะเดียวกันการตายก็สูงขึ้น แต่ตายคนเดียวตนก็ยังยอมรับไม่ได้เลยทุกเรื่อง
"เรื่องการขับขี่ปลอดภัยอยากให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม อะไรที่ไม่ควรทำก็อย่าทำ อย่างการแข่งขันรถจักรยานยนต์ผิดกฎหมาย ถือเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ปกครอง ขอให้ไปหาวิธีการแก้ไขปัญหามารัฐบาลพร้อมที่จะรับข้อเสนอ รัฐบาลมีอย่างเดียวคือบังคับจับกรมดำเนินคดี สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความรับรู้ สร้างความร่วมมือทำความเข้าใจ นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของประเทศไทย ในเวลานี้ทุกเรื่อง ต้องมุ่งเน้นการนำวิถีชีวิตปลอดภัย"
นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาการจราจร โดยในต่างประเทศสร้างวงเวียนเพื่อลดปัญหาการจราจรหนาแน่น แต่ในประเทศไทยรื้อวงเวียนเพราะรถติด หากทำได้ก็ดี เพราะฉะนั้นปัญหาหนึ่งที่จะตามไปสู่อีกปัญหาหนึ่งเสมอ เหลืออีกหลายปัญหาเสมอ เพราะฉะนั้นคิดทางเดียวแก้ปัญหาด้วยวิธีการเดียวเป็นไปไม่ได้ ประเทศไทยบริบทของประเทศไทย อยู่ที่พวกเราว่าจะขับเคลื่อนกันได้อย่างไร เพราะเราก็ต้องดูแลประชาชน ให้มีความสุขความพึงพอใจ และที่ตนมาพูดวันนี้ไม่ได้เป็นการตำหนิใคร แต่ต้องการเล่าให้ฟังว่าตนอยู่กับปัญหาอะไรมาบ้าง และพยายามจะแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง ติดปัญหาอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นต้องคิดแบบตนคิดด้วย เพราะฉะนั้นเรารู้เราอยู่กันมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนก็อยู่มานานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงรู้ปัญหา วิธีการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ทำได้แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะความร่วมมือยังไม่เกิด นี่คือปัญหาเช่นเดียวกับทุกปัญหา ของประเทศไทยซึ่งต้องกลับมาโทษที่ตัวเองว่าตนทำไม่ได้ เพราะตนจะไปโทษใครไม่ได้อยู่แล้วก็ต้องทำต่อไป สิ่งที่พูดในทุกวันนี้คืออยากให้ทุกคนคิด ในบริบทที่กว้างกว่าเดิม
พร้อมทั้ง กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ทุกคนนั้นยอมรับกติกา สร้างการรับรู้เรียนรู้ไม่ได้อยู่ด้วยความเกลียดชัง อยู่ด้วยความเข้าใจว่าจะอยู่ร่วมกันด้วยความสันติได้อย่างไร อยู่ภายใต้กฎหมายระเบียบ การจัดระเบียบทางสังคม และต้องหาวิธีการร่วมมือกันให้ได้ ไม่ใช่ติคนนั่นคนนู้นตินี่ ติแล้วทำไม่ได้แน่นอน เป็นความรับผิดชอบของทุกคน นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบทุกเรื่อง เพราะมันเป็นหน้าที่ หาวิธีการทำให้ได้ ค่อยๆ เดินบางอย่างเดินช้า บางอย่างเดินเร็ว ถ้าไม่อยากเดินช้าก็เร่งเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ขณะที่ตำรวจที่อยู่ในคณะทำงานต้องพูดให้หมด ข้อมูลอยู่ที่ไหนไม่ใช่แก้ตัว เอาข้อเท็จจริงแถลงออกมาในห้องประชุมให้รู้เรื่อง ว่าต้องแก้ตรงไหนอย่างไร และย้ำว่าทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึกถึงคนอื่น ก่อนที่นายกฯ จะทุบที่อกข้างซ้าย 3 ครั้ง
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
เบนซ์ เปิดราคารถยนต์ไฟฟ้า 'The new EQS' ในไทย 8.57-8.87 ล้านบาท