ไฮไลท์สำคัญหนีไม่พ้น สถานะของ “พี่น้อง 3 ป.” ที่ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือ แต่ชัดเจนว่า เลือกตั้งรอบหน้าไปต่อกันแบบต่างคนต่างพรรคแน่นอน
ที่ชัดเจนก่อนใคร คือ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ส่งสัญญาณวางมือ “ผมก็ประเมินตัวเอง ว่า เราเหมาะสมที่จะต้องไปทำไหม ก็ต้องพิจารณา อายุก็เยอะแล้ว และมีคนที่มีความสามารถที่มีความตั้งใจ อายุน้อยก็มีเยอะ”
"บิ๊กป้อม"พร้อมลุยการเมืองต่อ ถ้ามีคนหนุน หวังปี พปชร.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
ย้อนรอยการเมืองปีเสือ ตลอดปี 2565 การเมืองไทยเจอ 8ปีนายกฯ - สภาล่ม
ดังนั้นต้องจับตาดูการขับเคี่ยวกันเองระหว่าง “พี่ป้อม – น้องตู่” ที่ยังไม่รู้ว่าปลายทางจะกลับมาบรรจบกันแบบไหน
พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นน้อง ไม่ถือว่าคู่แข่งกัน แต่ถ้าทางการเมือง ใครดีกว่าคนนั้นก็เป็นไป ไม่มีปัญหา ส่วนตัวผมไม่ขอแสดงความเห็นหากจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านขั้นตอนการเลือกในสภา
เป็นคำตอบจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
พปชร.เป็นพรรคน้องใหม่ในการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีสัดส่วน ส.ส.ทั้งหน้าใหม่-เก่า สามารถส่ง “บิ๊กตู่” กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ แต่ตลอด 4 ปีที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องยอมรับว่าเป็นพรรคที่ผ่านมรสุมร้อนทางการเมืองมากที่สุดพรรคหนึ่ง
เวลานี้ พปชร.เลือดไหลไม่หยุด ส.ส.บางส่วนถูก “พลังดูด” เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย อีกล็อตเตรียมย้ายค่ายไป รทสช. ตามหลัง “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน และอดีตผู้อำนวยการพรรค
พปชร.ที่โดนพลังดูด - ถูกตัดคะแนนนิยม “บิ๊กตู่” นักคณิตศาสตร์การเมืองจึงคาดการณ์จุดเสี่ยงอาจทำให้กลายเป็นพรรคต่ำร้อย
แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสจากอิสระทางการเมืองที่เพิ่มมากขึ้น
เพราะการไม่มีชื่อ “บิ๊กตู่” ค้ำอยู่กับพรรค ประกอบกับบารมีพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” ทำให้ พปชร.มีโอกาสในการพลิกขั้ว จับมือทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยได้สะดวก เมื่อถึงสถานการณ์ที่จำเป็น
และค่อนข้างแน่นอนว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในโผ พปชร.จะเป็น “บิ๊กป้อม” ตามแรงสนับสนุของ ส.ส.ภายในพรรค
ฟาก “รวมไทยสร้างชาติ” ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค บรรยากาศคึกคักทันที หลัง “บิ๊กตู่” ประกาศร่วมงานการเมืองและคาดว่าจะเปิดตัวชัดเจนช่วง ม.ค.นี้
ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เพิ่งเปิดตัว 3 วีไอพี ดีกรีขุนพลภาคใต้ – ผู้ยิ่งใหญ่ใน กทม. ประกอบด้วย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี , นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี และ นายชัชวาลล์ คงอุดม อดีตประธานที่ปรึกษาพรรคพลังท้องถิ่นไท
หากนับรวมกับแกนนำ – ผู้สมัคร ส.ส.ที่ปรากฎตัวไปก่อนหน้านี้ พอคาดการณ์ได้ว่า ฐานที่มั่นสำคัญของพรรค คือ พื้นที่ภาคใต้ ที่ได้คะแนนจากฐานเสียงเดิมของผู้สมัครประกอบกับคะแนนนิยมของ “บิ๊กตู่”
2 โจทย์สำคัญที่ รทสช.ต้องทำให้สำเร็จจากนี้
หนึ่ง หาเสียงเลือกตั้งท่ามกลางปัญหาของ “บิ๊กตู่” ที่จะสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกแค่ 2 ปี
สอง กวาด ส.ส.ให้ได้เกิน 25 เสียง เพื่อส่งชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเข้าสู่การโหวตในสภา
นอกจากการช่วงชิงทางการเมืองของ “พี่ป้อม – น้องตู่” อีกพรรคที่ต้องจับตาคือ พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข
เมื่อเดือน ธ.ค.2565 ส.ส. 36 คน จาก 10 พรรคการเมือง เปิดตัวย้ายค่ายร่วมงานพรรคภูมิใจไทย เป็นอีเวนต์ทางการเมือง แสดงพลังดูด ส่งสัญญาณพร้อมเป็น “พรรคใหญ่” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ท่ามกลางการคาดการณ์ยี่ห้อ “ภูมิใจไทย” รอบหน้า อาจมี ส.ส.เกิน 100 คน
ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตัวแปรสำคัญอาจไม่ใช่ชื่อของ 2 พี่น้อง 2 ป. “บิ๊กตู่ – บิ๊กป้อม”
หากแต่เป็นชื่อของ “อนุทิน” ที่มักเปรียบตัวเองเป็นหนูที่พร้อมช่วยราชสีห์ทำงานให้บ้านเมือง