นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่างถึงกรณีตำรวจท่องเที่ยวไปให้บริการนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงในช่องทางพิเศษที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีรถนำขบวน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เพียง 2 คนที่ไปกระทำการโดยพลการ ไม่ได้ขออนุญาติจากกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว
ซึ่งการที่ตำรวจท่องเที่ยวจะให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้สามารถทำได้ 4-5 กลุ่ม เช่น กรณีเป็นแขกของรัฐบาล เป็นบุคคลสำคัญที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย เป็นผู้นำรัฐบาลที่เข้ามาเป็นส่วนตัว
สมศักดิ์ เชื่อพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาล 99% ยันไม่ขัดแย้ง "อุตตม - สนธิรัตน์"
CPN กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่ม 1.35 แสนล้านบาท สยายปีกทุกธุรกิจ
เป็นราชวงศ์ของประเทศต่างๆที่เดินทางเข้าประเทศไทย หรือนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ หรือกลุ่มรถเล็ก มาในลักษณะการแรลลี่ หากต้องการอำนวยความสะดวกหรือดูแลเรื่องความปลอดภัยสามารถแจ้งมาที่กระทรวงการท่องเที่ยว หรือกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้
ส่วนกรณีบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ที่มีบริษัททัวร์หรือบริษัทนายหน้านำไปขายเกินราคา นายพิพัฒน์มองเป็นเรื่องการตลาดไม่สามารถควบคุมได้เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งบัตรนี้จะมี 7-8 บัตร มีวงเงินในบัตรที่จะสามารถจองที่นั่งพิเศษและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปรับแล้วนำเข้าช่องทางพิเศษ
และให้การบริการในการส่งถึงหน้าประตูทางออก รวมถึงส่งถึงหน้าประตูแต่หากอยากให้มีรถรับส่งก็จะติดค่าบริการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ยืนยันว่าการที่มีบริษัททัวร์ไปขายเกินราคา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ไม่สามารถจะรับผิดชอบในสิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งประเทศไทยมีการมอบบัตรพิเศษให้กับบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ รวมถึงทำประโยชน์ให้ประเทศไทยมเช่น กรณี หมี่เซียะนักแสดงชื่อดังมารำโปรโมทการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวชาวจีน
ส่วนกรณีมีการโฆษณาเกินจริง ว่ามีโปรโมชันเสริมสามารถทำบัตรประชาชนได้ ในบัตรพริวิลเลจการ์ดนั้น ทางททท. และบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจสอบ หากเกิดเหตุการณ์นี้จริง จะให้ตำรวจเข้าไปสืบสวนสอบสวนบริษัททัวร์ที่โฆษณาแบบนั้นว่ากระทำเกินจริงหรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์ของบัตรไม่มีการโฆษณาเกินจริง เนื่องจากมีอัตราค่าใช้บริการที่แน่นอนและมีราคาที่สูง
ส่วนกรณีดาราไต้หวัน ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยนั้น นายพิพัฒน์ย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้นใครที่พก นำเข้ามาในประเทศไทยถือว่าผิดกฎหมายประเทศไทย แต่การเจอนักท่องเที่ยวสูบเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจะจับปรับได้ จะต้องนำส่งศาลอย่างเดียว