สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วนญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แบบไม่ลงมติ โดยใช้เวลาระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.2566 รวม 32 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 10.20 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเป็นคนแรก ระบุว่า การถอดหน้ากากคนดี ต้องทำให้เห็นว่าแปดปีที่แปดเปื้อน มีประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งสามารถรวบรวมมาได้ 20 ประเด็นสำคัญ
เริ่มแล้ว! อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ฝ่ายค้านตั้งประเด็นซักฟอกปมทุจริต
“ชูวิทย์” ซัด 8 ปีปฏิรูปล้มเหลว ปล่อยตร.เป็นโจร
เหมืองทองอัคราที่ใช้ ม.44 ปิดเหมืองทองจนกระทั่งถูกบริษัทแม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย คดีเข้าสู่อนุญาโตตุลาการ จนต้องมีการประนีประนอมยอมความ เช่น การอนุญาตให้เหมืองทองอัคราสำรวจที่ดิน 44 แปลง 4 ล้านไร่ และอนุญาตให้ประกอบกิจการต่อ
รัฐบาลกู้เงินไปแล้ว 5.7 ล้านล้านบาท 100 ปีก็ใช้หนี้ไม่หมด ทำให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะ รวมถึงงบประมาณที่มีคนเจาะลึกให้เห็นว่าเม็ดเงินที่จัดสรรลงไปแต่ละปีสอดคล้องเหมาะสมหรือไม่ โดยรวม 24.5 ล้านล้านบาท ดังนั้นใช้เงินมหาศาล แต่ผลงานต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
นอกจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ไม่มีคนพูดถึงมากมาย คือ คนไทยฆ่าตัวตายเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นอันดับ 33 ของโลก
ขณะเดียวกันทุนสีเทาระบาดหนัก ต้องขอบคุณ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง เคยเป็น ส.ส. ผลงานที่เขาตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นในสังคม ลูกหลานตาสว่างว่า คนดีที่ใส่หน้ากากเบื้องหลังเขาเป็นอย่างไร ทำไมมาระบาดหนักในยุคนี้
เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องถึงการทุจริต ซื้อขายตำแหน่ง ตบทรัพย์เป็นการทั่วไป ไม่รู้ใครเป็นเจ้าหน้าที่ ใครเป็นผู้ร้าย
นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เกิดขึ้นกับอธิบดีท่านหนึ่ง ที่มีการสู้คดีเกี่ยวกับการบริจาคซื้อพระ โยกย้ายออกจากตำแหน่งไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า วันนี้ลงคะแนนไม่ได้ ขอให้ประชาชนฟังและไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งว่าอยากให้คนดีอยู่ต่อหรืออยากให้ประเทศชาติไปต่อ ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต และมีความหมาย