เลือกตั้ง 2566 : "บิ๊กป้อม" ก้าวข้ามขัดแย้ง ชี้ "อิลิท-นักการเมือง" ต้นตอปัญหา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




"บิ๊กป้อม" เสนอตัวก้าวข้ามความขัดแย้ง เข้าใจทั้งอนุรักษ์นิยม – ประชาธิปไตย ชี้่ "อิลิท - นักการเมือง" ต้นตอสร้างปัญหา ยอมรับเคยมีความคิด "ปฏิวัติ" เพื่อปฏิรูป แต่เห็นความเป็นจริงอำนาจูสงสุดอยู่ที่ประชาชน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง”

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “แม้จะมีเหตุผลมากมายที่หลายคนเห็นว่าผมควรจะหยุด และกลับไปใช้ชีวิตสบาย ๆ ซี่งจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่า เนื่องจากชีวิตไม่ได้รู้สึกขาดแคลนอะไรแล้ว และนั่นทำให้คิดแล้วคิดอีกอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ในที่สุดแล้ว จึงตัดสินใจที่จะทำงานต่อ

คอนเทนต์แนะนำ
ปูพรมค้นหาศพ เด็ก 8 เดือน หลังแม่รับสารภาพทิ้งลูกลงในแม่น้ำ
เลือกตั้ง 2566:"บิ๊กตู่" ทำต่อ บัตรสวัสดิการ-เบี้ยคนชรา 1,000 ต่อเดือน
เลือกตั้ง 2566 : “จุรินทร์” ชี้ ปชป.สู้สนามปักษ์ เผชิญหน้ากับ พรรคใช้เงิน - พวกตกปลาในบ่อเพื่อน

เหตุผลหนึ่ง คือ ผูกพันกับคนที่ร่วมสร้างพรรคพลังประชารัฐ จนประสบความสำเร็จ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมาเกือบครบ 4 ปีเต็ม ๆ ทุกคนล้วนมีความหวัง ความฝันที่จะทำงานการเมืองต่อไป ทุกคนต่างร่วมทำงานหนักกันมา

เมื่อถึงวันที่จะต้องลงเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น การต่อสู้รุนแรงมาก ใครไม่พร้อมก็ยากที่จะเดินต่อไปได้ ตนคิดแค่เอาตัวรอด ทิ้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมสร้างพรรคที่ยังมีความฝันอยู่เต็มเปี่ยมได้อย่างไร

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ลึกไปในใจ ในความรู้สึกนึกคิด ยังมีเหตุผลส่วนตัวที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เกิดจากการทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าถึงทางออกของชาติบ้านเมืองว่าควรทำอย่างไร เป็นการทบทวนที่มองผ่านเข้าไปในประสบการณ์ชีวิตทั้งหมด แล้วหาข้อสรุปว่าเกิดอะไรกับประเทศ

ผมจะค่อย ๆ เล่าให้ฟังว่า อะไรที่ผมพบเจอ รับรู้ และเกิดความคิดอย่างไรในแต่ละช่วงชีวิต จนสุดท้ายตัดสินใจทำงานการเมืองต่อ ด้วยความคิดว่าตัวเองจะทำประโยชน์ด้วยการคลี่คลายปัญหาให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสดใส

 

พล.อ.ประวิต กล่าวด้วยว่า จะเริ่มจากการเล่าให้เห็นประสบการณ์รับราชการทหารตั้งแต่นายทหารผู้น้อย ค่อย ๆ เติบโตมาถึงผู้บัญชาการกองทัพ ได้รับการหล่อหลอมให้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาทั้งชีวิต จนผลึกความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา เป็น จิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีอย่างมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

คนกลุ่มหนึ่ง ที่มีบทบาทสูงต่อความเป็นไปของประเทศ หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายว่า กลุ่มอิลิท ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศ มองความเป็นมาและพฤติกรรมของนักการเมือง ด้วยความไม่เชื่อถือ และความไม่เชื่อมั่นลามไปสู่ความข้องใจในประชาธิปไตย และความรู้ความสามารถของประชาชน ในการเลือกนักการเมืองเข้ามาครอบครองอำนาจบริหารประเทศ

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อไปว่า ความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมือง และการเลือกของประชาชนนั้น ทำให้คนเหล่านี้เห็นดีเห็นงามกับการหยุดประชาธิปไตย เพื่อปฏิรูปหรือปฏิวัติกันใหม่ หวังแก้ไขให้ดีขึ้น คนในกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่หวังดี อยากเห็นประเทศพัฒนาไปสู่ความรุ่งเรือง เป็นผู้มีประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความรู้ความสามารถ หากสามารถชักชวนเข้ามาทำงานให้กับประเทศได้จะเป็นประโยชน์

แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งว่า คนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ความรู้ ความสามารถเหล่านี้ ไม่มีโอกาสเข้ามาช่วยประเทศชาติในช่วงที่ ระบบการเมืองจัดสรรผู้คนเข้ามามีอำนาจบริหารตามโควต้าจำนวน ส.ส. ที่ประชาชนเลือกเข้ามา

พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า กรณีดังกล่าวทำให้โอกาสที่จะเข้ามาช่วยประเทศชาติ มีเพียงช่วงที่รัฐบาลมาจากอำนาจพิเศษหรือการปฏิวัติ รัฐประหารเท่านั้น การรับราชการทหารมาเกือบทั้งชีวิต ทำให้รู้จัก เข้าใจ และแทบจะมีความคิดในทางเดียวกับคนที่หวังดีต่อประเทศชาติเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความคิดในช่วงแรก แม้จะครอบคลุมเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต แต่หลังจากเข้ามาทำงานร่วมกับนักการเมือง และตั้งพรรคการเมือง ทั้งในช่วงเป็น รมว.กลาโหม และผู้ก่อตั้งพรรค จนมาเป็นหัวหน้าพรรค ได้รับประสบการณ์อีกด้าน ทำให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องนำพาประเทศไปด้วยระบอบประชาธิปไตย

ในความเป็นจริงทางการเมือง ไม่ว่านักการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ที่สุดแล้วอำนาจการบริหารประเทศต้องกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งผู้ที่อำนาจตัดสินว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ก็คือ ประชาชน

มีความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ แม้ในการเลือกตั้งทุกครั้งผู้ยึดครองอำนาจด้วยวิธีพิเศษ จะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาสู้ ซึ่งแม้จะหาทางได้เปรียบในกลไกการเลือกตั้ง แต่ผลที่ออกมาฝ่ายอำนาจนิยมจะพ่ายแพ้ต่อฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยมทุกคราว

ความรู้ ความสามารถของกลุ่มอิลิท ทำให้ประชาชนศรัทธาได้ไม่เท่ากับนักการเมือง ที่คลุกคลีกับชาวบ้านจนได้รับความรัก ความเชื่อถือมากกว่า

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่ออีกว่า นี่คือต้นตอของปัญหาที่สร้างความขัดแย้ง ขยายเป็นความแตกแยก ระหว่างฝ่ายอำนาจนิยม กับฝ่ายเสรีนิยม ที่หาจุดลงตัวร่วมกันไม่ได้ เพราะพยายามหาทางให้ฝ่ายตัวเองชนะอย่างเด็ดขาด ทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นสูญ กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ กระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ

ประสบการณ์ของผมที่ผ่านการเห็น การรู้ การฟัง เข้าถึงจิตวิญญาณอนุรักษ์นิยมและเข้าใจประชาธิปไตยเสรีนิยมที่มีผลต่อโครงสร้างอำนาจของประเทศ

 

พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่ หลังจากนี้จะค่อย ๆ เล่าให้ฟังถึงรายละเอียดในแต่ละช่วงชีวิต เพื่อให้ได้เห็นภาพได้ชัดขึ้น และจะชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง จากนั้นจะบอกให้รู้ว่า ทำไมถึงเชื่อมั่นว่า “ผมทำได้” และ “จะทำอย่างไร”
หากประชาชนให้โอกาส

สุดท้ายนี้ขอบอกกล่าวให้รับรู้โดยทั่วว่า จดหมายทุกฉบับเขียนขึ้นโดยทีมงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญมาช่วยกันกลั่นกรองสาระสำคัญที่ต้องการนำเสนอต่อสังคม เพื่อเป็นทางออกของบ้านเมือง

จดหมายทุกฉบับ ที่จะเกิดขึ้นผ่านการตรวจทานจากผมแล้วและผมขอรับผิดชอบทุกตัวอักษร

คอนเทนต์แนะนำ
“ควรลาออก” รอย คีน แซว “เทน ฮาก” หลังเต้นฉลองแชมป์
เริ่มแล้ว! ลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5” ก่อนใช้สิทธิ 7 มี.ค.
ความลับของ “วิตามินซี” กินวันละเท่าไหร่มีผลดีต่อร่างกายมากที่สุด?

TOP การเมือง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ