นายอนุทิน ชายวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรจะเสียก็พูดอะไรก็ได้ และจะไม่ไปค้าความด้วย เพราะ ขนาดคุก นายชูวิทย์ก็เข้ามาแล้ว รวมถึง ถามกลับว่า หากไปโต้ตอบด้วยจะได้อะไรขึ้นมา
นายอนุทิน บอกว่า หากนายชูวิทย์จะกล่าวหาอะไร ก็เชิญเลย เดี๋ยวคนถูกกล่าวหาจะตอบกลับด้วยหลักฐาน ยืนยันว่า ไม่โกรธ เพราะ มองว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่
นอกจากนี้ยังยกคำสอนของพ่อแม่ขึ้นมาพูด บอกว่า “พ่อแม่สอนไว้ว่า อย่าไปสู่กับคนไม่มีต้นทุน ไม่มีประโยชน์ ชนะแล้วได้อะไรขึ้นมา”
"ชูวิทย์" โพสต์อีก ขยี้ "พรรคภูมิใจไทย" ย้ำต้องยื่นยุบพรรคปมเงินบริจาค
"ชูวิทย์"บุกคมนาคม จี้ "อธิรัช"ตรวจสอบบิ๊ก ขรก.
ส่วนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายอนุทิน ย้ำว่า ตอนนี้กลับไปทำหน้าที่ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเต็มตัว พร้อมบอกว่า ขอมองโลกในแง่บวก พรรคภูมิใจไทยได้เลขาธิการพรรคเข้ามาช่วยลงพื้นที่หาเสียง แบบเต็มเวลา มีกำลังที่มาช่วยงานมากขึ้น เพราะตัวเองยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอยู่ ต้องหาเสียงนอกเวลาราชการ
นายอนุทิน ยังบอกีดว่า นายศักดิ์สยาม เป็นคนการเมือง ที่เคยมีประสบการณ์ ผ่านวิกฤตทางการเมือง มีอุปสรรคเหมือนเมื่อถูกพักการเมือง 5 ปี เมื่อตอนยุบพรรคไทยรักไทย ส่วนข้อกล่าวหาล่าสุดนี้ อยากขอความเป็นธรรมให้นายศักดิ์สยาม อยากให้รอการชี้แจงก่อน ขออย่าเป็นศาลเตี้ยพิพากษา แต่ให้รอศาลพิจารณา โดยเชื่อว่า หากข้อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ เชื่อว่า ศาลจะให้ความยุติธรรม แต่ถ้าหากแก้ข้อกล่าวหาไม่ได้ ก็ต้องรับสภาพ
เช่นเดียวกับนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งถูกนายชูวิทย์ พาดพิงว่า มีการลงนามเอกสารเร่งรัด ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมทำสัญญา นายอนุทิน ระบุว่า ดูแล้วเป็นคนไม่มีอะไร ที่จะทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมาย ย้ำว่า ใครทำนอกเหนือกฎหมาย ใครทำผิด ทำอย่างหนึ่ง แล้วบอกอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีหลักฐานมาหักล้างได้ หากเป็นใคร หรือแม้กระทั่งนายศักด์สยาม พรรคภูมิใจไทยก็ช่วยอะไรไม่ได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของนางสุขสมรวย มีการชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก บอกว่า นายชูวิทย์ น่าจะเข้าใจผิด เรื่องการเซ็นเอกสารส่งถึงหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พร้อมยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการแจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัด เพื่อให้ทราบว่า ได้นำเรื่องที่แต่ละหน่วยงานเสนอมา นำเรียนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทราบแล้ว เพื่อที่หน่วยงานต่างๆ จะได้รับทราบขั้นตอน และสามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้เกิดความรวดเร็ว ยืนยันว่า เป็นขั้นตอนทางธุรการปกติ ไม่ใช่การใช้อำนาจเกินขอบเขตกฎหมาย ตามที่มีการกล่าวหา