วันที่ 2 มิถุนายน ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่เมื่อวาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า พรรคก้าวไกล นำโดยพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะก้าวหน้า พบกับสามสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพูดคุยเรื่องการกระจายอำนาจ อีกไม่ช้าไม่นาน รัฐบาลก้าวไกลคงเร่งดำเนินนโยบายเกี่ยวกับกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ตนสนับสนุนเรื่องนี้ แต่มีประเด็นสำคัญที่ไม่เห็นด้วย นั่น คือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ
“เสธ.หิ” ของขึ้น! “ก้าวไกล” ถามหามารยาท ไล่ “บิ๊กตู่” ออกทำเนียบ
เลือกตั้ง 2566 : "โรม”ยื่นสอบวินัยผู้พิพากษา เร่งรัดคดี 112 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล
ผมเห็นว่า ปัญหาการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นในประเทศไทย ณ วันนี้ มิใช่เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเรามีองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดอยู่แล้ว และมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มาจากการเลือกตั้ง เป็นผู้บริหารสูงสุดอยู่แล้ว
แต่ปัญหาที่แท้จริงของเรา คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วไม่มีอำนาจหน้าที่เพียงพอ ไม่มีงบประมาณเพียงพอ ถูกราชการส่วนกลางและภูมิภาคแทรกแซงบ่อย และมีกฎหมายที่กำหนดอำนาจหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะซ้ำซ้อนกันระหว่างส่วนกลาง/ภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
จนถึงวันนี้ การกระจายอำนาจของประเทศไทยได้เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องอำนาจ งบประมาณ ความเป็นอิสระ การปลดล็อคท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นได้แสดงศักยภาพ แก้ปัญหาในพื้นที้ได้ตรงจุด มิใช่กระทำโดยจัดให้มี การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แต่คือ การแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนระหว่างส่วนกลาง/ภูมิภาค vs ส่วนท้องถิ่น เราต้องกำหนดให้ท้องถิ่นเป็นหลักและมาก่อน จัดการเพิ่มรายได้ งบ ความเป็นอิสระ และการตรวจสอบ
ผมเข้าใจดีว่า กรณีที่พรรคการเมืองชูคำขวัญ “เลือกผู้ว่าราชการจังหวัด” เพราะ ติดหู เข้าใจง่าย รณรงค์ง่าย แต่ความเข้าใจง่ายเหล่านั้น อาจนำมาซึ่งความเข้าใจผิด จนทำให้ทิศทางการกระจายอำนาจที่พยายามทำกันมาตั้งแต่ 40 ไถลออกผิดทางไปอีก เช่น หากให้เลือกผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จะไปอยู่ไหน มีต่อหรือไม่ หรือเลิก? หากมีต่อ จะซ้ำซ้อนกับผู้ว่าฯจากการเลือกตั้งหรือไม่? ใครใหญ่กว่าใคร? ผู้ว่าฯจากการเลือกตั้งเป็นส่วนภูมิภาคหรือส่วนท้องถิ่น?
ทั้งนี้ตนเห็นว่า ปัญหา ณ วันนี้ มิใช่ “เลือก” ผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ว่าจะทำพร้อมกันทั่วประเทศแบบพรรคก้าวไกล หรือทำทีละจังหวัดแบบพรรคเพื่อไทย แต่เราต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์เต็มรูป เพื่อวันหน้า จะได้พิจารณาว่าควร “เลิก” ผู้ว่าราชการจังหวัดและราชการส่วนภูมิภาค หรือไม่ หากเลิก ประเทศไทยก็จะมีระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น ไม่มีส่วนภูมิภาค เหมือนอังกฤษและญี่ปุ่น
หากไม่เลิก ประเทศไทยก็จะปรับบทบาทราชการส่วนภูมิภาคเสียใหม่ ให้ทำหน้าที่ประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทำภารกิจที่อยู่ในอำนาจของส่วนกลางในพื้นที่ต่างๆ เหมือนฝรั่งเศส และสเปน “ปลดล็อกท้องถิ่น” อย่างแท้จริง คือ การเอางาน เงิน คน ไปให้ท้องถิ่น การจัดการอำนาจซ้ำซ้อนระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น มิใช่ วนเวียนอยู่กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ