นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอแสดงความยินดีกับว่าที่ส.ส.ทุกท่านที่ประสบความสำเร็จในการที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภาในรอบนี้ โดยวันนี้สัมมนาถึงบทบาทและหน้าที่ของ ส.ส. ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีประชาชนเป็นจุดตั้ง และงานที่ยากที่สุดคือติดต่อกับประชาชน เพื่อรับฟังและมีความจริงใจแก้ปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการสื่อสารวันนี้
เมื่อถามถึงความเห็นของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีความเห็นของตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ มองว่าตำแหน่งนี้ควรเป็นของพรรคเพื่อไทย
นายเศรษฐา ตอบว่า ตนก็ได้ยินข่าวว่ามีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจริงๆ แล้ว หากจะพูดถึงเรื่องนี้การแข่งขันได้จบลงไปตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ผลเลือกตั้งก็ออกมาแล้ว ตนเห็นว่า ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสองพรรคประชาธิปไตยควรจะต้องจับมือกัน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อมีคณะทำงานที่ชัดเจนและถูกต้องแล้ว ก็คงคิดว่าจะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ปัญหาใหญ่กว่าตอนนี้ คือเราต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ เป็นรัฐบาลที่มาจากฝ่ายเรา เพราะประเทศประสบปัญหามามากแล้ว และประชาชนจะได้มีรัฐบาลที่มาอย่างถูกต้องสักที
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นผู้บริหารและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จำเป็นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีและประธานสภาต้องมาจากพรรคเดียวกัน นายเศรษฐา ตอบว่า หัวใจของพรรคเราคือประชาธิปไตย การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกเสียงสำคัญ เรามีส.ส.141 คน รวมถึงผู้ใหญ่ในพรรคซึ่งเราต้องให้เกียรติ วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เรามีการสัมมนาเกิดขึ้น ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ ส.ส.ทุกคนจะมีโอกาสพูดคุย แสดงความเห็นตัวเอง ตนขอฟังความเห็นของ ว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก่อนว่าหลักคิดในเรื่องนี้คืออะไร แต่ย้ำว่าการแข่งขันจบสิ้นแล้ว เรื่องยกให้หรือไม่เป็นเรื่องรอง ย้ำอีกครั้ง ภารกิจสำคัญที่สุดคือตั้งรัฐบาลให้ได้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกันให้ได้
เมื่อถามถึงกรณี ที่กระแสข่าวเสนอชื่อชิงเก้าอี้ประธานสภาจากพรรคพลังประชารัฐ โดยจะเสนอชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย แข่งนั้น นายเศรษฐา ตอบว่า ความเห็นส่วนตัวเลอะเทอะ