วันที่25 ก.ค.2566 นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมคดี รัฐมนตรี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ปมซุกหุ้นห้างหุ้นส่วนบุรี คอนสตรักชัน จนนำมาสู่การสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ภายหลังถูกดำเนินการนายศักดิ์สยาม มีการส่งเอกสารชี้แจงเพื่อหักล้างต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาตนได้รับเอกสารทั้งหมด และตรวจสอบจนพบพิรุธหลายแห่ง เนื่องจากพบหลักฐานว่า นายศักดิ์สยาม มีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนนี้ในขณะที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ได้เปิดเผยทรัพย์สินต่อป.ป.ช.อย่างถูกต้อง
ในเอกสารระบุว่า นายศักดิ์สยามเคยกู้ยืมเงินของห้างหุ้นส่วนนี้ในปี 2558-2559 จำนวน 4 ครั้ง เป็นยอดรวม 108,499,000 บาท โดยมีสัญญากู้ยืมเงิน ต่อมานายศักดิ์สยาม ได้ชำระคืนทั้งก้อน ในวันที่ 22 เม.ย. 62 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง สส. เป็นเวลา 30 วัน
ก่อนหน้านี้นายปกรณ์วุฒิ ได้อภิปราย และถามถึงประเด็นหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีต่อห้างหุ้นส่วนนี้ ว่าได้โอนออกไปพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบระหว่างการอภิปรายในสภา บอกเพียงว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องชี้แจงต่อสมาชิก” แต่เมื่อได้รับเอกสารชี้แจงนี้ภายหลัง จึงเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดนายศักดิ์สยามจึงไม่ตอบคำถามและนำเอกสารมาชี้แจงให้ตรงกับข้อมูลชุดนี้ตั้งแต่ตอนนั้น
จึงอาจสรุปได้ว่า เอกสารชุดนี้เป็นการมัดตัว ว่าหนี้สินของนายศักดิ์สยามต่อห้างหุ้นส่วนนี้ยังคงอยู่ หลังจากการโอนหุ้นออกไปเมื่อปี 2561เพราะพบว่า งบการเงินของห้างหุ้นส่วนนี้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. 62 แต่กลับพบว่ายังมีเงินให้หุ้นส่วนกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาทตามเอกสาร หลังจากนั้นยอดหนี้ได้ถูกปิดเป็น 0 บาท ในช่วงสิ้นปี 2563 ซึ่งถือว่าเลยช่วงสิ้นสุดของงบการเงินห้างหุ้นส่วนไปแล้ว
นอกจากนี้ยังพบเอกสาร ใบรับวางบิลที่ยื่นประกอบกับคำชี้แจงดังกล่าวอ้างว่าเป็นหลักฐานว่าเปลี่ยนผู้ควบคุมกิจการตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่จากการตรวจสอบใบรับวางบิลที่ใช้ปกติไม่จำเป็นต้องให้กรรมการผู้จัดการหรือเจ้าของเป็นคนเซ็น อาจให้พนักงานการเงินเป็นผู้เซ็นก็ได้ จึงพบว่าเป็นหนึ่งในข้อพิรุธ
โดยวันนี้ นายปกรณ์วุฒิและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ได้ยื่นรายชื่อพยานบุคคลทั้งหมด 22 คน และ พยานเอกสาร 19 รายการ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ชี้ข้อพิรุธหักล้างข้อชี้แจงดังกล่าวของนายศักดิ์สยาม และ ห้างหุ้นส่วนนี้ และทางทีมงานได้เดินทาง ไปชี้เบาะแสของผู้ที่น่าจะ ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินกับทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส่วนประเด็นที่หลายคนมองว่าการออกมาแถลงถึงคดีของนายศักดิ์สยามวันนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงของการหารือจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและการประชุมรวมของทั้ง 8 พรรค จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่มีผลต่อการร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่
นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ออกมาทำหน้าที่ที่ถูกต้องตามกระบวนการ และจุดยืนของพรรคก้าวไกล ในการทำงานตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคเอง และตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ซึ่งเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นหนึ่งใน MOU ที่มีการเซ็นไว้แล้วส่วนเรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย และทีมเจรจาของพรรคอื่นๆ ส่วนตัวจึงมองว่าไม่กระทบ หากรอให้การเจรจาจบก่อน จะทำให้คดีล่าช้า