จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ในการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
มติเอกฉันท์ กกต.ชงศาลรธน.ยุบพรรคก้าวไกล-ตัดสิทธิกรรมการพรรค!
ย้อนไทม์ไลน์ก้าวไกล จากนโยบายแก้ 112 สู่คำวินิจฉัยยุบพรรค!
กางคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีแก้ 112 “พิธา-ก้าวไกล”
ด้วยเหตุผลที่ว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประซาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
โดยกรณีการยุบพรรคด้วยมูลเหตุกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประซาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถเทียบเคียงได้กับกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ
ทั้งนี้ในคดียุบพรรคไทยรักษาชาตินั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรค ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่พรรคไทยรักษาชาตินำเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค ในการสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2562 โดย กกต. ยกเหตุผลตามมาตรา 92 (2) แห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่าอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
จากนั้นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง จดทะเบียนจัดตั้งพรรคใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
โดยประเด็นที่น่าสนใจจากคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ คือกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ้างถึง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติชัดเจนในเรื่องเจตนา ว่า เพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ก็ต้องห้ามแล้ว หาต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผล หรือรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นเสียก่อนไม่
พร้อมกันนั้นยังให้คำจำกัดความ “ปฏิปักษ์” ว่า ไม่จำเป็นต้องรุนแรงถึงขนาดมีเจตนาจะล้มล้างทำลายให้สิ้นไป ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องตั้งตนเป็นศัตรูเป็นฝ่ายตรงกันข้ามเท่านั้น เพียงแค่เป็นการกระทำที่มีลักษณะขัดขวางสกัดกั้นมิให้เจริญก้าวหน้า หรือเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลายจนเกิดความชำรุดทรุดโทรมอ่อนแอลง
อย่างไรก็ตามด้วยมูลเหตุแห่งการร้องยุบพรรคของพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคก้าวไกล จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 เช่นเดียวกัน แต่ทั้ง 2 คดีมีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ ดังนั้นจึงต้องจับตาดูว่าปลายทางของคดีร้องยุบพรรคก้าวไกลจะซ้ำรอยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่!
เช็กชื่อ! กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โดนตัดสิทธิฯ 10 ปี หลังยุบพรรค
ไฟไหม้ตลาดสี่มุมเมือง “เด็ก 4 ขวบพร้อมน้า” สำลักควันเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 1
เปิดโปรแกรม 10 นัดสุดท้าย อาร์เซน่อล ลิเวอร์พูล และ แมนซิตี้ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก