การเมืองยังร้อนแรงต่อเนื่องตลอดเดือน มิ.ย. กับ 3 คดีใหญ่ ทั้งคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ขีดเส้นให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงปม 40 สว.ยื่นถอดถอน และยังมีคดีที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร คดี ม.112 และคดีล้มล้างการปกครองของพรรคก้าวไกล ซึ่งอาจมีผลถึงขั้นยุบพรรค โดยทางพรรคก้าวไกล เตรียมแถลงแนวทางสู้คดี
วันนี้ทีมข่าวพีพีทีวี สัมภาษณ์พิเศษ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย พูดถึงการแถลงสู้คดีของพรรคก้าวไกลในสัปดาห์หน้า
โดยมองว่าแนวทางต่อสู้ ก็คือการจะพยายามบอกว่าไม่มีพฤติกรรม แนวนโยบาย หรือการกระทำอะไรที่ไปล้มล้างการปกครอง ซึ่งต้องไปต่อสู้กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าตอนนี้เรื่องเลยเถิดมามากแล้ว โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบแทบเป็นศูนย์
ซึ่งมองว่า ก้าวไกลก็คงจะไม่หวั่นไหวเพราะมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาแล้ว และยังมองว่าถ้าพรรคก้าวไกลถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค แนวทางต่อไปก็คงไปจดทะเบียนพรรคใหม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่เหมือนกันคือกรรมการบริหารพรรคจะหายไปเพียงแค่ 5-6 คน และเชื่อว่าตอนนี้พรรคน่าจะเตรียมแผน 2 แผน 3 ไว้หมดแล้ว แต่สิ่งที่ต่างกันคือเชื่อว่า รอบนี้จะไม่เกิดปรากฎการณ์งูเห่าเหมือนครั้งก่อนแน่นอน เพราะถ้า ส.ส.พรรคทำแบบนี้จะส่งผลถึงอนาคตทางการเมืองของตัวเอง และคงไม่มีใครฆ่าตัวตายด้วยการเป็นงูเห่าแน่นอน
ส่วนคดีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องในความผิดตามมาตรา 112 แนวทางการวินิจฉัยจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ดร.ธนพร มองว่าศาลรัฐธรรมนูญและอัยการสูงสุดน่าจะแยกแนวทางการพิจารณาต่างกัน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะดูเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญเป็นหลักและวินิจฉัยทางการเมือง ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่กรณีของนายทักษิณ เป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคล ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
ส่วนภาพนายทักษิณ ที่เดินสายพบประชาชนหลายจังหวัด มีนัยยะอะไรหรือไม่ ดร.ธนพร มองว่า เป็นการลงพื้นที่สกัดพรรคก้าวไกลไม่ให้มีอำนาจเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของนายทักษิณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคอื่นมีความสามารถน้อยกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ยังไม่มีพรรคไหนที่มีศักยภาพทางการเมืองและได้รับการยอมรับจากประชาชนได้มากเท่ากับพรรคเพื่อไทย
และนอกจากสกัดพรรคก้าวไกลแล้วยังเป็นการเช็กฐานเสียงไปในตัว และดูด สส.ในพื้นที่ รวมถึงอดีต ส.ส.ที่เคยอยู่ในพรรคกลับเข้ามา แต่การทำแบบนี้อาจารย์ธนพร มองว่าไม่ได้ช่วยให้ฐานเสียงเพิ่มขึ้นเพราะยังดึงคนเก่า ๆ เข้ามา
ส่วนการยื่นถอดถอน นายเศรษฐา ทวีศิลป์ นายกรัฐมนตรี ที่กลุ่ม 40 สว. ยื่นรายชื่อถอดถอนปมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.ธนพร มองว่า การที่นายเศรษฐา ไม่ขอขยายระยะเวลาชี้แจงออกไปอีกนั้น ก็เชื่อว่านายเศรษฐา มีทางรอดอยู่แล้ว ซึ่งเกมการเมืองหลังจากนี้ รัฐบาลก็ต้องเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะครบวาระและเร่งทำผลงานให้เป็นที่ยอมรับ
แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายเศรษฐา มีความผิด พรรคเพื่อไทยก็ต้องสั่นสะเทือน และถ้าหลุดออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี การเมืองก็จะเปลี่ยนขั้วได้ หรือถ้าไม่เปลี่ยนขั้ว พรรคเพื่อไทยก็จะถูกพรรคภูมิใจไทยต่อรองอย่างหนัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้แน่นอน
ขณะที่วันนี้ มีการแถลงความผลงานรัฐบาล ซึ่ผลการสำรวจ พบว่าประชาชนมีความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลในระดับมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 44.3 เมื่อถามว่าให้คะแนนเท่าไหร่ ดร.ธนพร บอกว่าให้คะแนนเท่าประชาชน เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเลตที่สัญญาไว้กับประชาชนยังไม่เป็นรูปธรรมชัดเจน นายเศรษฐาจะต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนให้ได้