ระเบิดลูกโซ่หลังยุบ “ก้าวไกล” 44 สส.ถูกตัดสิทธิหมด?-ยิ่งยุบยิ่งโตจะเกิดขึ้นจริง?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

วิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นผลพวงจากการยุบ “ก้าวไกล” ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ “44 สส.” ถูกตัดสิทธิหมด ส่วนสถานการณ์ยิ่งยุบยิ่งโตมีโอกาสเกิดขึ้นจริง

แม้การวินิจฉัยคดี “ยุบพรรคก้าวไกล” จะจบลงไปแล้วด้วยการที่พรรคถูกยุบ และกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี แต่ผลพวงที่ตามมาไม่ได้จบตามคำวินิจฉัย เพราะขณะนี้มีการยื่นฟ้องผิดจริยธรรมร้ายแรงต่อ 44 สส. ของก้าวไกล ที่มีพฟคติการณ์เข้าชื่อแก้กฎหมาย ม.112 ซึ่งอาจโดนตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

มิหนำซ้ำ ผู้ที่อยู่รายชื่อ สส. 44 คนนี้ยังมี “ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” และ “เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ซึ่งเป็นตัวเต็งหัวหน้าพรรคใหม่ที่จะมาแทนก้าวไกล

คอนเทนต์แนะนำ
“ศิริกัญญา”นัดรวมพลอาคารไทยซัมมิท เปิดตัวพรรคใหม่ 9 ส.ค.นี้
"พิธา" ไม่กังวลแต่ไม่ประมาท ปมป.ป.ช.สอบจริยธรรม 44 สส.เสนอแก้ 112
ป.ป.ช. สั่งไต่สวน 44 อดีต สส.ก้าวไกล ผิดจริยธรรมเสนอแก้ 112 ยันไม่มีใบสั่ง!

วิเคราะห์หลังยุบก้าวไกล 44 สส.ถูกตัดสิทธิหมด?-ยิ่งยุบยิ่งโตจะเกิดขึ้นจริง? ช่างภาพพีพีทีวี
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2567

ระเบิดลูกโซ่ที่เกิดตามมานี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ก้าวไกลในชื่อใหม่จะเป็นนกฟินิกซ์ที่คืนชีพกลับมาได้ พร้อมระเบิดคูหากาส้มทั้งแผ่นดิน หรือจะมอดไหม้หายไปไม่ฟื้นกลับ และกลายเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา

ผลเทควันโดโอลิมปิก 2024 "เทนนิส" พาณิภัค คว้าทองโอลิมปิกสมัย 2

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงไทย ทำศึกซี วี ลีก 2024 สัปดาห์ 2

คำขวัญวันแม่แห่งชาติ 2567 พร้อมมัดรวมย้อนหลังทุกๆ ปี

คาด 44 สส. ไม่รอดถูกตัดสิทธิ ชี้หนักกว่าเคส “ช่อ-พรรณิการ์”

คุณคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย บอกในรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 ว่า กรณี 44 สส. อาจมีการเปิดโอกาสให้ชี้แจงได้ เพราะโดยโดยหลักการต้องให้ แต่เวลาจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ส่วนตัวอาจารย์คมสันมองว่า การเข้าชื่อเสนอแก้กฎหมาย ม.112 ซึ่งกรณีนี้ศาลจะชี้ว่า การเสนอแก้เป็นการกระทำที่ด้อยค่าสถาบัน เข้าลักษณะล้มล้างการปกครอง ดังนั้นถ้าให้มอง กรณีของ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” ที่ถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิตเหมือนกัน กับเคสนี้ เคสของคุณช่อเบากว่า เพราะเกิดก่อนเป็น สส. และเป็นการโพสต์ข้อความ

“ตอนคุณช่อไม่ได้ถูกชี้มูลโดยศาลรัฐธรรมนูญ แค่เรื่องผิดจริยธรรม ดังนั้นเคสนี้หนักกว่า คิดว่าน่าจะไม่รอดทั้ง 44 คนเลย” คุณคมสันบอก

ส่วนกรณีว่าจะมีการพิจารณาพฤติการณ์เป็นรายบุคคลหรือไม่นั้น มองว่ามีพฤติการณ์เข้าชื่อเหมือนกัน ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคำวินิจฉัย เมื่อคุณศิริกัญญาและคุณณัฐพงษ์มีชื่อ จึงอาจโดนไปด้วย ซึ่งหากมีการเลือก 1 ใน 2 คนนี้เป็นหัวหน้าพรรคใหม่จริง เขาจะเป็นหัวหน้าพรรคได้ แต่ถ้าถูกชี้มูลความผิดเมื่อไรต้องพ้นตำแหน่งทั้งหมด

ถ้าว่าที่หัวหน้าพรรคและ กก.บห. ถูกตัดสิทธิหมด ทำอย่างไร?

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ บอกว่า ปกติตำแหน่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค มักเป็นคนที่ออกมาในสื่อ และพยายามกำหนดทิศทางพรรค “คุณไหมและคุณเท้งแสดงออกถึงการบริหารจัดการ ทำให้ประชาชนเชื่อใจได้ อย่างคุณเท้งนี่ทำเรื่องงบประมาณ เงินทุกบาทที่ซ่อนในกระดาษเขาเอามากางในเอ็กเซลหมด ดูเป็นชิ้น ๆ ได้เลยว่าเงินไหลไปไหนบ้าง”

เขาเสริมว่า “ส่วนคุณไหม แน่นอนเรื่องเศรษฐกิจ และสิ่งที่เขาพูดวันนี้อีก 1 เดือนเกิด ทายแม่นมา และยังรู้กระบวนการระบบราชการ เพราะเคยอยู่ในองค์กรและสำนักวิจัยหลายที่ มีความได้เปรียบ เวลาคุยราชการดี”

ซึ่งหากว่าที่หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ พล.ท.พงศกรมองว่า พรรคการเมืองที่ต้องพึ่งพาหัวหน้าพรรคเป็นแบบหนึ่ง แต่พรรคนี้ไม่ใช่ เป็นพรรคที่เดินตามประชาชน ประชาชนอยากได้อะไรทำให้ แต่ในสภา อย่างเรื่องงบประมาณ ต้องใช้คนที่พูดเป็น ซึ่งต้องฝึก แต่ส่วนตัวเชื่อว่ามีการเตรียมตัวสำรองไว้แล้ว

“ผมว่าเตรียมแล้ว เพราะคนที่มาเป็นกรรมการบริหารลดระดับแทบหมด ตอนอนาคตใหม่กรรมการบริหารวางตัวไว้แบบรู้เลยว่าใครทำงานอะไร จะนั่งกระทรวงอะไร แต่ตอนนี้ซ่อนอยู่ตรงไหนไม่รู้ คงไม่เห็นตัวสำคัญมานั่งกรรมการบริหาร อาจมีบ้างที่ต้องวางตัวคนที่จำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้” พล.ท.พงศกรกล่าว

คุณคมสันเสริมว่า เรื่องนี้มีบทเรียนตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน โดนตัดสิทธิกันไปหลายสิบถึงหลักร้อยคน ทำให้ตอนหลังกรรมการบริหารลดขนาดลง คนที่เป็นไม่ใช่คนที่มีบทบาทในพรรคมาก บางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เชื่อว่าทุกพรรคมีการเตรียมการไว้แบบนี้ โดยเฉพาะพรรคเก่าแก่

อาจารย์คมสันบอกว่า การซ่อน “ตัวจริง” ของพรรคเอาไว้เป็นสิ่งที่เสียระบบ และเสียมานานแล้ว “เสียระบบมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเสีย ในความเป็นจริง บ้านเราเป็นสังคมขี้โกหก รู้อยู่แล้วว่าใครบริหาร อย่างพรรคเพื่อไทยก็รู้ว่าใครคือผู้บริหารตัวจริง ก็ยังพูดแบบอื่น เรื่องนี้ไม่กระทบเท่าไรหรอก เบื้องหลังอาจจะทำงานสนิทใจกว่าข้างหน้าด้วยซ้ำ”

อาจารย์กล่าวว่า “ดูพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคยังไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ มันอยู่ที่ว่าจะเอาใคร ไม่ใช่เป็นกรรมการบริหารหรือไม่ แต่สุดม้ายไม่มีผล เพราะไม่มีใครเป็นนายกฯ ตัวจริงทั้งนั้น ตัวจริงคือใครเราก็รู้อยู่ ทุกคนรู้แต่ไม่พูด”

ยิ่งยุบยิ่งโตจะเกิดขึ้นได้ ต้องทำตัวให้ประชาชนยังเชื่อมั่น

พล.ท.พงศกรกล่าวว่า การก่อเกิดของพรรคมีประชาชนเป็นคนเริ่ม พรรคเกิดจากประชาชน แต่ถูกใช้กฎหมายทำให้ปั่นปวน เพราะปกติ คนเป็นกรรมการบริหารต้องแสดงตัว แสดงความรู้ ไม่ใช่แอบ ประชาชนจะได้เห็นว่าคนนี้สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เป็นนายกฯ ได้ บางคนอยู่ดี ๆ เป็นนายก ซึ่งไม่ถูกต้อง ต้องมองนาน ๆ แต่ทั้งหมดเกิดจากกฎหมายหลังรัฐประหารที่ถูกวางเอาไว้

“นี่คือการทำทุกอย่างไม่ให้ประชาชนมีอำนาจ กลัวประชาชน จนประชาชนรู้สึกว่ากลายเป็นเรื่องปกติแล้ว แต่บางประเทศเขาไม่ทน อย่างบังกลาเทศเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2009 อยู่ดี ๆ ก็ถูกขับไล่ หรือประเทศข้างบ้านเรา ก็เล่นแบบเดียวกัน ตอนแรกพูดจาดี พอพูดไม่รู้เรื่องก็ยิง จนประชาชนต้องจับอาวุธ” พล.ท.พงศกรกล่าว

เขาเสริมว่า ขอผู้มีอำนาจอย่ากลัวประชาชน ประชาชนแค่อยากอยู่ดีกินดี “เรามีเป้าหมายเป้นเหมือนสแกนดิเนเวีย อาจเก็บภาษีเยอะบ้าง แต่ประชาชนมีความมั่นใจและมั่นคง ไม่มีอะไรพิสดาร เรื่องล้มล้าง สแกนดิเนเวียก็มีสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกประเทศ เขาล้มล้างที่ไหน กฎหมายก็บอกอยู่แล้วว่าห้ามเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง ทำไม่ได้อยู่แล้ว”

ส่วนเรื่องระเบิดคูหายิ่งยุบยิ่งโต พล.ท.พงศกรกล่าวว่า ผู้มีอำนาจอาจคิดว่า ถ้าทำให้เล็กไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะหมดกำลัง ซึ่งถ้าเขาเล็กลงแล้วไม่ยืนข้างประชาชน อาจจะหายไปแน่ แต่ถ้าประชาชนยังมองว่าน่าไว้วางใจ ก็จะอยู่ต่อได้ จอแค่ยังคงยึดมั่นและมั่นคงอยู่อย่างนี้ ยังประชาชนก็เลือก

“ต้องไม่แกว่ง ยืนหยัดอยู่อย่างนี้ สู้เรื่องสวัสกดิการ สู้นายทุน สู้คนจ่ายเงินแล้วรอด เปิดงบประมาณให้หมด รัฐบาลทำงานอย่างไรเปิดให้หมด” อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่กล่าว

ส่วนกรณีกฎหมาย ม.112 ยังสามารถแตะได้อยู่หรือไม่นั้น ความเห็น พล.ท.พงศกร เชื่อว่า “ยังแก้ได้” เพราะการยื่นแก้ไขกฎหมายเป็นสิทธิของ สส. ที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ อันเป็น 1 ใน 3 อำนาจอธิปไตยของชาติ ไม่ควรมีใครมายุ่ง จะไม่มีการข้ามกัน แต่ถ้ามีคนจะข้ามก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้วหรือยังไม่เจริญ

ด้ารอาจารย์คมสันมองว่า ม.112 ไม่ถึงกับแตะไม่ได้ แต่ทำวิธีการเดิมไม่ได้ ยังหาเสียงได้ แต่ต้องกลับไปดูพื้นฐานข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เพราะมีหลักการว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ” อยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งแก้ไขไม่ได้ ดังนั้น การจะแก้ ม.112 ต้องสอดรับกับเรื่องนี้

อาจารย์บอกว่า ถ้าเป็นการแก้โดยทำให้เสื่อมหรือไม่สอดรับ ไม่ว่าอ้างเหตุผลอะไร อย่างเรื่องมีคนถูกกลั่นแกล้งจึงจำเป็นต้องแก้ ต้องไปดูว่าเกิดจากกระบวนการปลุกปั่นหรือไม่ เรื่องนี้ตอนเสนอแก้ไม่มีการกล่าวถึงต้นเหตุ มีแต่เฟกนิวส์หรือวาทกรรมที่พูดมา ย้ำว่าแก้ได้แต่อย่าให้เสื่อมค่าลง

Bottom-PL-24 Bottom-PL-24

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ