จากกรณีการตรวจสอบ “ไร้ภูนับดาว” รุกที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งมีข้อมูลว่ามีเส้นเงินของบริษัทที่โยงใยไปถึง “หวานใจบิ๊กการเมือง” รายหนึ่งนั้น
ล่าสุด น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวพีพีทีวี บอกว่า ในช่วงที่เธอยังอยู่พรรคพลังประชารัฐไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับไร่ภูนับดาว เลยไม่รู้ว่ามีความเชี่ยมโยงเกี่ยวข้องกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นบิ๊กใหญ่ของพรรคอย่างไร
น.ส.ปารีณา บอกว่า ตนเพิ่งจะมาเห็นตามข่าวตามสื่อในภายหลังว่า มีการอนุญาตให้ไร่ดังกล่าวประกอบใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ทั้งที่ประกอบกิจการรีสอร์ท ที่พัก ไม่ใช่เพื่อการเกษตรตามวัตถุประสงค์
รีบยืนยันตัวตน (e-KYC) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใน 26 ธ.ค.67
10 อันดับมือถือจีนกล้องโหดประจำปี 2024 โดย DXOMARK Honor-Xiaomi เพียบ!
วิเคราะห์สาเหตุประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึก!
น.ส.ปารีณา ยังบอกอีกว่า ประเด็นเรื่องการใช้ที่ดิน ส.ป.ก ที่เธอถูกดำเนินคดี กับกรณี “ไร่ภูนับดาว” นั้นต่างกัน โดยกรณีของเธอได้ทรัพย์สินที่ดินและการทำฟาร์มไก่ต่อจาก นายทวี ไกรคุปต์ ผู้เป็นคุณพ่อ ซึ่งเป็นการทำเกษตรกรรมจริงๆ แต่ “ไร่ภูนับดาว” พบว่ามีการเข้าไปสร้างเป็นรีสอร์ท ที่พักไม่ได้ทำเชิงการเกษตรแต่แรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องตั้งคำถามไปถึงเจ้าหน้าที่ว่าขณะนั้นทำไมถึงอนุญาตให้ไร่ดังกล่าวเข้าไปทำประโยชน์ได้ มีการเพิกเฉย ละเลย หรือ ปฏิบัติหน้าที่โดยชิชอบหรือไม่ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนชื่อจาก “สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร” เป็น “สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อรีสอร์ท“
เมื่อถามว่าในช่วงที่ น.ส.ปารีณาถูกดำเนินคดีเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. มีคนติดต่อจะให้ความช่วยเหลือหรือไม่ เธอยอมรับว่า มีคนติดต่อช่วยเหลือจริง แต่ในขณะนั้นแสงตัวเองเยอะเกินไป พอถึงเวลาจึงบุคคลนั้นจึงไม่กล้าดำเนินการช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันมองว่า ไร่ภูนับดาวตอนนี้ก็มีแสงไม่ต่างกัน แต่ด้วยยุคสมัยการเมืองที่เปลี่ยนไปเป็นสีเทา เชื่อว่าทางไร่ดังกล่าวคงไม่สนใจเรื่องที่ถูกโจมตี เพราะสุดท้ายก็มีคนช่วยอยู่ดี
“เรื่องนี้หากจะเอาผิดคนที่ให้ความช่วยเหลือจริงๆ คิดว่าคงโยงไม่ถึงตัวอดีตรองนายกฯ ที่กำลังถูกพาดพิงอยู่ในข่าว อย่างมากก็คงเชื่อมโยงได้แค่เรื่องความสัมพันธ์กับหญิงคนสนิทเท่านั้น อย่างไรก็ตามก็อยากให้อดีตรองนายกระวังตัวให้มากหากมีแผลเคยทำผิดเอาไว้ เชื่อว่าต้องมีคนขุดออกมาเรื่อยเรื่อย” น.ส.ปารีณา บอกและใช้คำว่า อดีตรองนายกฯคนนี้ ถือว่าเป็นเป้าเลยก็ว่าได้ เพราะดันงัดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นการเอาคืนกันทางการเมืองใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณา บอกว่า เป็นไปได้ และหากเป็นเรื่องการเมืองจริง ยุคนี้ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมา จะเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงเอาเป็นเอาตาย โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการเล่นงานกัน โดยไม่สนว่าจะยุติธรรมหรือไม่