5 ธ.ค. 67 ที่ สน.บึงกุ่ม นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และพิมพ์ลายนิ้วมือ ในคดีที่ถูกนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีออกรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง และมีการพูดจาให้ข้อมูลซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายวีระ ยืนยันว่าขณะนี้ตัวเองยังไม่ได้มีการถอนแจ้งความนายจตุพร
หลังมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ซึ่งทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เบื้องต้นไม่ขอออกความเห็น
ต่อมาหลังจากที่นายจตุพร เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และพิมพ์ลายนิ้วมือเกือบ 2 ชม. ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนสั้น ๆ ว่า วันนี้ตนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามคำนัดหมาย ส่วนรายละเอียดจะให้ทางนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นผู้ให้ข้อมูลแทน
ด้านนายนิติธร เปิดเผยว่า ในคดีนี้มีการแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกคือวันนี้นายจตุพรมาตามคำนัดหมายของพนักงานสอบสวน ในคดีที่นายวีระได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท จากการให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง
เบื้องต้นทางด้านนายจตุพรได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้มีการนัดหมายมาให้การเพิ่มเติมอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ และทางฝ่ายของนายจตุพรได้มีการเตรียมที่จะเสนอพยานบุคคลเข้าให้การเพิ่มเติมอีกด้วย แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร
และในส่วนที่สองคือ ที่ผ่านมาทางด้านนายจุพร ได้มีความพยายามที่จะพูดคุยกับนายวีระที่เป็นคู่กรณี ผ่านการประสานงานของนายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โดยมีการพูดคุยกันมาแล้วถึง 2 ครั้ง และมีทิศทางที่ดี ซึ่งคดีนี้อาจจะยุติในขั้นตอนของการเจรจาไกลเกลี่ย
ส่วนเหตุผลที่ก่อนหน้านี้นายจตุพร เลื่อนนัดหมายของพนักงานสอบสวนนั้น เนื่องจากติดภารกิจจริง ๆ และเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางนายจตุพร ก็มีการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้กับพนักงานสอบสวน ได้ทบทวนการตั้งข้อกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนยังยืนยันว่าจะเรียกให้มาพบ นายจตุพรก็มาพบตามนัด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ MOU 44 มองว่าอย่างไร นายนิติธร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องไป เพราะประชาชนมีความกังวล และการขับเคลื่อนของนายสนธิ เป็นการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการ
ขณะที่ทางรัฐบาลก็ยังไม่ได้ชี้แจงเป็นเหตุเป็นผล และไม่สามารถตอบประชาชนได้ ถึงความชอบด้านกฎหมายของMOU 44 รวมถึงสถานะของประเทศไทยหลังจากที่มีการเซ็น MOU 44 โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปเซ็นรับรอง ซึ่งทำให้กระทบกฎหมายและกระทบเขตแดนของประเทศ
และการที่รัฐบาลประกาศจะเดินหน้าทั้งที่ไม่มีความชัดเจน ถือเป็นความไม่ชอบธรรม ซึ่งนายสนธิ ต้องเดินหน้าสอบถาม ซึ่งการเดินทางไปรอบนี้จะมีการตั้งข้อกล่าวหาด้วย โดยหลังจากนี้จะมีกระบวนการตรวจสอบ และกระบวนการร้องเรียนต่อไป
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะไม่มาพบนายสนธินั้น นายนิติธร ระบุว่า เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายสนธิบอกใครจะมารับก็ได้ จะเป็นภารโรงก็ได้ ส่วนการประกาศลงถนนครั้งสุดท้ายนั้น ตนมองว่าแยกเป็น 2 ประเด็น โดยประเด็นแรก เป็นเรื่องการจัดม็อบลงถนน มองว่าเป็นเรื่องในอนาคตต้องดูพฤติกรรมเป็นเรื่อง ๆ ไป
ส่วนเรื่องที่ 2 คือการยื่นหนังสือกล่าวหา ยังไม่มีการลงถนนแต่มีการเชิญชวนหากประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญก็สามารถร่วมยื่นได้ ขณะที่ภาคประชาชนที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน
ส่วนในกรณีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ที่มีนายสนธิเป็นหลักนั้น หากกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และคณะหลอมรวมจะเข้าร่วมก็สามารถทำได้ รวมถึงตนหากว่างก็อาจจะเดินทางไปเข้าร่วมด้วย