เมื่อเวลา 11.40น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ถึงนโยบายปรับลดค่าไฟฟ้า ตรงนี้ถือเป็นหลักประกันเก้าอี้ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงานด้วยหรือไม่ ว่า อันนี้ไม่ทราบเลยว่าทำไมหลังไมค์เคยคุยกับสื่อเลยด้วยซ้ำ ว่าไม่เคยพูดเรื่องการปรับครม.และยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ คิดว่าอำนาจการปรับครม.เป็นของนายกฯ แต่ตนยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับครม. ซึ่งนายพีระพันธุ์ ก็พูดคุยกันอยู่เมื่อสักครู่ และก็ไม่มีการจะปรับ
เมื่อถามว่าที่นายกฯ ระบุว่า ยังไม่ปรับ ครม. ตอนนี้ แต่ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าจะเรียกรัฐมนตรีรายบุคคลเข้ามาประเมินผลงานภายใน 3 เดือน น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เรื่องนี้เป็นแพลน ต้องโทษที่ตนเองเพราะความจริงอยากคุยตั้งแต่เริ่มเป็นนายกฯ
แต่พอหลายอย่างเข้ามา ก็ต้องแยกก่อนว่าแต่ละกระทรวงรับผิดชอบงานหัวข้ออะไรบ้าง ตอนนี้งานของแต่ละกระทรวงค่อนข้างเป็นรูปเป็นร่างเต็มที่มาก ฉะนั้นการเชิญรัฐมนตรีเข้ามาคุยได้แจ้งทุกท่านตั้งแต่ปี 2567 แล้ว เรื่องนี้รัฐมนตรีไม่ตกใจแน่นอน เพราะความจริงเป็นเพียงการอัพเดตว่าสถานะของแต่ละนโยบายทำถึงไหนแล้ว ตนกระจายงานต่างๆให้รองนายกฯแต่ละท่าน แต่ที่อยากเรียกรัฐมนตรีเข้ามาเพราะต้องการทราบว่าคนที่อยู่หน้างานทำอะไรบ้าง จะได้คุยกันได้เพื่อจัดเวลาให้รัฐมนตรีแต่ละท่านในการนำเสนอพูดคุยและขอการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรม คิดว่าภายในเดือนนี้จะมีการเชิญรัฐมนตรี 2 กระทรวงมาพูดคุย
เมื่อถามว่าหากแก้ทุนผูกขาดไม่ได้ จะเปลี่ยนคนทำงานแทนอย่างที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯพูดบนเวทีปราศรัยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร หัวเราะก่อนตอบว่า ที่นายทักษิณพูด ถ้าฟังดีๆคิดว่าเป็นสไตล์การทำงานของนายทักษิณ ซึ่งไม่เหมือนกับตน คนละแบบกัน การที่เรียกมาคุยตนไม่ได้เรียกมาคุย คือจริงๆ แล้วรัฐมนตรีทุกท่าน รองนายกฯทุกท่านมีไลท์ส่วนตัวอยู่แล้ว สามารถพูดคุยได้ อย่างกับ รมว.พาณิชย์ เรื่องราคาสินค้าพูดคุยกันว่าจะช่วยสินค้าเกษตรนั้นๆ อย่างไรได้บ้าง แต่เรื่องผูกขาดราคาทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ ไม่อยากให้มีการผูกขาดเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เน้นย้ำไป จากนั้นเป็นขั้นตอนการทำงาน การจะเปลี่ยนตัวอะไรยังไม่มีการพูดถึง
เมื่อถามว่าสไตล์การทำงานที่ต่างจากนายทักษิณ แต่การปรับครม. ของนายกฯจะเป็น 3 เดือนหรือ 6 เดือน น.ส.แพทองธารตอบว่า “ที่นักข่าวถามสไตล์การทำงานดิฉันแตกต่างจากคุณพ่ออย่างไร ดิฉันจะคุยก่อนและคุยตรงๆว่าสิ่งนี้อยากให้เกิดขึ้นได้ไหมและส่วนกลางจะสนับสนุนเรื่องอะไรได้บ้าง ถ้าพูดไปแล้วไม่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไรต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถ้าละเลยไม่สนใจทำงานมันเห็นได้ถึงเจตนาอยู่แล้วอันนี้คงไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นกระบวนการของมันเราเข้าใจได้ เราก็ต้องสนับสนุนให้เดินไปต่อ เพราะการมีเสถียรภาพทำให้งานมันเกิด ไม่ว่าจะในกระทรวงหรือในรัฐบาล ทำให้งานต่อเนื่อง ดิฉันคิดว่าดิฉันยังไม่มีแผนที่จะปรับ ครม. ถ้ามีหรืออย่างไรจะบอกอีกทีแต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องดังกล่าวเลย และทุกอย่างต้องดูจากผลงาน”
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ที่พูดทั้งเรื่องนโยบายและเรื่องการเมือง มองเป็นการบดบังรัศมีของนายกฯหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทุกท่านเวลาที่พูดกันว่า นายกฯตัวจริงบ้าง นายกฯกี่คนบ้าง อะไรก็ตามที่แปลว่าหลายๆนายกฯ ทุกอย่างที่ผ่านมาคือมันต่างตรงที่ว่า พอดีตนเป็นลูก ตนไม่ได้เป็นคู่แข่งกับท่าน ตนโตขึ้นมาในบ้านที่นายทักษิณเป็นหัวหน้าครอบครัว การที่ท่านพูดหากเรานำมาประยุกษ์ได้มันคือสิ่งดี และตนมองทุกอย่างเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน นักวิชาการ รัฐมนตรี พูดอะไรที่เป็นประโยชน์มองว่าคนนำมาใช้ เราจะฟังไม่ได้เลยกับคนที่ไม่ชอบเราคงไม่ได้ อย่างตัวนายทักษิณเองเคยเป็นนายกฯมาก่อน และประสบความสำเร็จอย่างมาก ฉะนั้นการพูดตนรับฟังได้อยู่แล้ว และความจริงถ้ารู้สึกไม่แฮปปี้เมื่อไหร่สื่อมวลชนก็ต้องรู้หลังไมค์กันแน่นอน เราคิดง่ายๆว่าเวลาคนในครอบครัวคุยกันอย่างไร ตนก็คือหนึ่งในนั้นเป็นแบบนั้น ถ้าถามว่ารู้สึกอะไรหรือไม่ที่ท่านพูดออกไป ก็ไม่ มันเป็นสไตล์การพูดของท่าน
เมื่อถามย้ำว่าแต่นายทักษิณ พูดนโยบายออกมาก่อนแล้วรัฐบาลมักจะตามทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเป็นนายกฯตัวจริงหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ก็นั่นคือการคุยกันหลังไมค์ก่อน และตัวดิฉันก็กำหนดไว้ว่าการให้สัมภาษณ์ของดิฉันคือวันอังคารหลังครม.เท่านั้น พอนายทักษิณ ออกไปพูดคุยก่อน ก็เป็นรอบที่ท่านได้พูดก่อน ก็ไม่เป็นไร เพราะประโยชน์อยู่ที่ประเทศถ้ามันเกิดขึ้นจริง และดิฉันไม่ได้กระทบอะไร ไม่ได้รู้สึกว่านายกฯสองคนสามคน แล้วต้องเสียใจหรืออะไร”
เมื่อถามอีกว่าเหมือนแบ่งบทกันให้พ่อเป็นฝ่ายบู้ลูกเป็นฝ่ายประนีประนอม น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณ พูดหลายอย่างมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น หลายอย่างต้องผ่านมติครม.มติพรรค นายทักษิณ เป็นคนมีวิศัยทัศน์คิดต่อยอด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ท่านไม่ได้ดำรงตำแหน่งอะไรเป็นวิศัยทัศน์ก็เป็นวิสัยทัศน์จะนำมาปฏิบัติหรือไม่อยู่ที่ฝ่ายบริหาร ต้องแยกว่าวิสัยทัศน์เป็นอย่างนั้นฝ่ายบริหารว่าอย่างไรต้องแยกภาพให้ชัด มันไม่ได้กระทบกันทั้งหมดถ้ากระทบเรื่องดีมันก็ดี
เมื่อถามว่าวันนี้ยังไม่มีพรรคไหนดื้อหรือรัฐมนตรีคนไหนยังไม่ผ่านงานใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่ยืนอยู่ด้านหลังน.ส.แพทองธาร ได้หันไปจับแขน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย พร้อมกับถามว่า “ดื้อรึเปล่า” ก่อนจะตอบเองว่า “มีแต่น่ารักไม่มีดื้อ” ทำให้น.ส.แพทองธาร ถึงกับหัวเราะและบอกว่า “ท่านบอกว่ามีแต่น่ารักไม่มีดื้อสรุปนายกฯ ดื้อสุด”