นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการเปิดโต๊ะข่าว สถานีโทรทัศน์ PPTV กรณี ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ว่า หลายฝ่ายยังมีความกังวลเกี่ยวกับการมีบ่อนกาสิโน แต่ความเป็นจริงการมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีบ่อนกาสิโนไม่ถึง 10% ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว สวนน้ำ คอนเสิร์ต กิจกรรมสำหรับครอบครัวมากมาย ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องไปเข้าบ่อน
นายจิรายุ กล่าวย้ำว่า ต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่า คนไทยเราไปเล่นการพนันที่ไหนกันบ้างนอกจากต่างประเทศรอบบ้าน ในเมืองไทยเราก็ทราบความกันดี ซึ่งที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองก็พยายามนำเสนอเรื่องบ่อนการสิโนอยู่ในนโยบายต่างๆ ซึ่งหมายความว่าเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะมีสิ่งนี้ ขณะเดียวกันไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไม่ดูแลหรือป้องกัน แต่เราวางแผนอย่างเป็นระบบ เพียงแต่ว่าเพิ่งมีการอนุมัติหลักการร่างกฎหมายเพียงเท่านั้น และต้องเข้าสู่การพิจารณาในสภาอีกหลายขั้นตอน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการอนุมัติหลักการโดย ครม. ที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ซึ่งฝ่ายค้านหรือประชาชนก็สามารถเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างกฎหมายเข้ามาประกบได้เช่นกัน จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการดำเนินการในส่วนของสภาต่อไป
นายจิรายุ กล่าวย้ำว่า เป้าประสงค์กฎหมายนี้ เราต้องทำเพื่อคานอำนาจของกลุ่มทุนสีเทา ที่ไม่ต้องการให้มีการเกิดบ่อนกาสิโนในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทราบว่าต่างประเทศก็มีการระดมกำลังกันเพื่อจะคว่ำกฎหมายในลักษณะนี้เช่นกัน
เมื่อถามว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มทุนจีนสีเทาหรือไม่ นายจิรายุ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของเราที่จะออกมากำกับดูแลเรื่องเหล่านี้ หากทำเป็นระบบ และมีกฎหมายรองรับ เรื่องทุนเทาหรืออะไรต่างๆ ก็จะทำได้ยาก เพราะกระบวนการตรวจสอบจะเข้มข้นมากขึ้น
“ตอนนี้เงินทุนนอกระบบ ทุนสีเทาต่างๆ พยายามใช้ทุกวิถีทางในการต่อต้านไม่ให้ไทยมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องยอมรับความจริงกันก่อนครับ”
“พรรคเพื่อไทยพูดคุยกันชัดเจนว่า ผลกระทบอะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดตามมา เราต้องหาทางปิดจุดอ่อนทั้งหมดให้ได้ เตรียมการไว้ทั้งหมด และอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดแต่ละมาตรา ซึ่งรวมถึงข้อห้ามต่างๆ การลงทุนที่ต้องแสดงแหล่งที่มาของเงินด้วย”