การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ใกล้เข้ามา หลายคนยังคงให้ความสนใจกลยุทธ์ของพรรคฝ่ายค้านที่จะมุ่งเป้าซักฟอกนายกฯ เพียงคนเดียวว่า จะออกมาอีท่าไหน รูปแบบใด และจะมีอะไรซับซ้อนกว่านั้นหรือไม่
ซักฟอกแค่นายกฯ เกิดบ่อยแค่ไหน?
คุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า บอกว่า ถ้าไปย้อนดูปี พ.ศ. 2539 หรือ 2540 เคยมีการอภิปรายนายกฯ แค่คนเดียว หรือถ้าใกล้ตัวหน่อย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลก็เคยพ่วงอภิปรายนายกบวกรัฐมนตรี
“ตอน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอภิปรายนายกฯ แยกกระทรวง แต่เป็นการอภิปรายนายกฯ แพ็กคู่กับรัฐมนตรีต่าง ๆ เพื่อยึดโยงให้เห็นว่า นายกกับกระทรวงต่าง ๆ มีความเกี่ยวข้องกับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่สามารถย้อนไปหานายกฯ ได้” คุณช่อบอก
กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าเสริมว่า “ประเด็นใหญ่สุดของการเมืองไทยวันนี้ คือการที่รัฐบาลไม่สามารถส่งมอบนโยบายได้ ไม่มีความสามารถในการจัดการพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความรู้ มีการไปทำดีลที่ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ ดังนั้น ป่วยการจะไปอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล เพราะต้นตอมาจากดีล ก็ต้องคนที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ ด้วยดีลนั้นต้องรับผิดชอบ”
อภิปรายนายกฯ พูดชื่อ “ทักษิณ” ได้หรือไม่?
หนึ่งในประเด็นที่สังคมจับตามอง คือในการอภิปรายครั้งนี้ จะมีการหยิบยกเรื่องของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกฯ แพทองธาร มาพูดหรือไม่ และหากพูด จะทำให้เกิดการประท้วงกันวุ่นวายจนไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรเลยหรือไม่
เรื่องนี้คุณพรรณิการ์บอกว่า พรรคประชาชนได้ยื่นญัตติเกี่ยวกับคุณทักษิณ ตอนแรกข่าวแว่ว ๆ ว่า มีการพยายามล็อบบี้ให้ประธานสภาแก้ชื่อญัตติ แต่ล่าสุดได้ข่าวว่า มีการบรรจุญัตติเรียบร้อย แปลว่าจะมีญัตติที่มีชื่อคุณทักษิณอย่างเป็นทางการ ดังนั้น อภิปรายได้
“เวลาพูดถึงกฎที่ว่า ห้ามพูดชื่อคนนอก ข้อบังคับสภาระบุว่า อย่าพูดถึงคนนอกโดยไม่จำเป็น แต่อันนี้คือจำเป็นแน่ เพราะอยู่ในญัตติ การที่สภารับญัตติ เท่ากับยอมรับว่าเป็นเรื่องจำเป็น” คุณพรรณิการ์กล่าว
ด้าน ทนายนิว-วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ มองว่า การอภิปรายถึงคุณทักษิณ ตามข้อบังคับพูดถึงได้ “ถ้าเกี่ยวข้อง”
“เห็นทุกยุค จะมีองครักษ์ออกมาประท้วงปกป้อง ถ้าสมมติฝ่ายค้านมองว่าคุณทักษิณเกี่ยว แต่มีคนประท้วงบอกไม่เกี่ยว กลัวว่าจะเกิดการประท้วงวุ่นวาย ส่วนตัวยังไม่ได้ยินข่าวที่คุณช่อบอก ว่าเข้าเป็นญัตติแล้ว” ทนายนิวบอก
เขาเสริมว่า “สิ่งที่คาดหวังจากฝ่ายค้านคือ ดูว่าจะกลับไปสู่การเมืองน้ำเน่า เอาเรื่องส่วนตัวมาโจมตี หรือเอาสาระมาพูดคุย แต่ถ้าพูดแต่เรื่องคุณทักษิณแล้วฝ่ายรัฐบาลประท้วงอย่างเดียว ประชาชนไม่ได้ประโยชน์”
ทนายวีรพัฒน์ยังบอกว่า เรื่องคุณทักษิณหรือโรงพยาบาลชั้น 14 เป็นเรื่องสำคัญ แต่บางคนบอกเถียงมานานแล้ว อยากฟังเรื่องปากท้อง ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายค้านคงหยิบมาพูด แต่ต้องดูจะเอาสาระอะไรมาพูด
“สิ่งที่เราจะเห็น สมมติมีชื่อคุณทักษิณ หรืออาจจะไม่มี แต่จะเอาคุณทักษิณมาพูด ประชาชนอาจตั้งคำถามว่า มีความเชื่อมโยงประโยชน์ประชาชนแค่ไหน เรื่องอื่นสำคัญเยอะแยะ” ทนายนิวกล่าว
เขาบอกอีกว่า การพุ่งเป้าซักฟอกนายกฯ คนเดียวไม่ผิด แต่อย่าเอาประเด็นที่ไม่ใช่สาระมาพูด หรือประเด็นส่วนตัว ความเป็นพ่อลูกของคุณทักษิณับคุณแพทองธารตนถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะจะไปห้ามพ่อลูกไม่ให้คุยกันหรือ หรือประชาชนบางส่วนเองเห็นคุณทักษิณออกมามีบทบาท มีคนชอบ ว่าคุณทักษิณคนเดิมกลับมา มาถึงสั่งการพูดปุ๊บเห็นผลปั๊บ
คุณพรรณิการ์ย้ำว่า เรื่องคุณทักษิณไม่ใช่แต่เรื่องนอนโรงพยาบาล แต่นี่คือความไม่มีบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
คุณพรรณิการ์บอกอีกว่า ที่ตอนนี้ทุกคนคิดว่าฝ่ายค้านจะมุ่งเป้าแต่เรื่องคุณทักษิณจนอาจเกิดการประท้วงวุ่นวายนั้น เป็นเพราะพรรคฝ่ายค้านยังไม่ได้บอกหมดว่าจะอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง
“เป็นเรื่องปกติ พรรคประชาชนไม่บอกหรอก จนกว่าจะถึงเวลาอภิปราย โอเคว่าเรื่องที่เป็นหน้าข่าว เช่น อัลไพน์ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชาวอุยกูร์ ชั้น 14 มีแหละ แต่อย่าลืม พรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมา ถ้าย้อนไปดู มีทั้งเรื่องที่ท่านจั่วหัวว่าจะต้องเห็น แต่เรื่องที่เด็ดจริง คือเรื่องที่ไม่เคยปรากฏต่อสื่อ เช่น ไอโอ ตั๋วช้าง มาตู้มในวันอภิปราย ... ที่จะสื่อคือ ไม่แปลกที่มีการคาดเดา แต่ให้รอดูวันอภิปราย เพราะเรื่องเด็ดจริงอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน
นอกจากนี้ คุณช่อยังตอบเรื่องประเด็นความเป็นพ่อลูกที่ทนายนิวยกมาว่า ไม่มีใครปฏิเสธว่าความเป็นพ่อลูกเป็นเรื่องส่วนตัว “แต่มันไม่เป็นเรื่องส่วนตัวก็ตอนที่พ่อนายกฯ ไปพูดนโยบายรัฐบาลก่อน โดยที่รัฐบาลไม่ได้พูด แล้วรัฐบาลดันทำจริง หลายครั้ง นำมาสู่คำถามว่า ตกลงคุยกันพ่อลูกแล้วเอามาพูดก่อน หรือคุณทักษิณเป็นคิดแต่ลูกเอามาทำ”
กรรมการบริหารคณะก้าวหน้ากล่าวว่า “ถ้าแต่งตั้งคุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาแต่แรกก็ควรตั้งเลย อย่างน้อยจะได้มีตำแหน่งทางการ ให้อยู่ในระบบ แต่นี่อยู่นอกระบบ แล้วคุณทักษิณก็ไปฟ้องร้องหลายคน ตำรวจไปไล่จับ บอกเป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งในการอภิปรายอาจมีคนบอกว่าถ้าพาดพิงคนนอกจะฟ้องนะ แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องพูด เพราะมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันคือการที่บุคคลระดับนายกฯ ถูกตั้งข้อสงสัยว่ารับคำสั่งจากคนนอกระบบ”
ประชาชนสนใจแต่เรื่องปากท้อง?
นอกจากนี้ คุณพรรณิการ์ยังตอบประเด็นเรื่องคุณทักษิณอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเท่าเรื่องปากท้องว่า “ตั๋วช้างเป็นเรื่องปากท้องหรือไม่ ไม่ใช่ 1MDB ปากท้องหรือไม่ ไม่ ไอโอก็ไม่ใช่เรื่องปากท้อง สมรสเท่าเทียมปากท้องหรือ ต้องเข้าปากท้องประชาชนถึงจะสนใจหรือ เชื่อว่าสังคมไทยก้าวหน้าไปกว่านั้น”
เธอเสริมว่า “คนไทยทัชเรื่องอะไร เรื่องความเป็นธรรม สมรสเท่าเทียม ตั๋วช้าง การซ้อมทหารเกณฑ์ แน่นอนว่าเศรษฐกิจก็สำคัญ ค่าน้ำไฟสำคัญ ของแพงค่าแรงถูกสำคัญ แต่เรื่องความเป็นธรรม การทุจริตก็สำคัญ มันเป็นเรื่องที่ถ้าถามคนทุกพื้นที่ทุกอาชีพให้ความสำคัญ คือการต่อต้านทุจริต”
นายกฯ ต้องตอบเองทุกเรื่องหรือไม่?
ทนายนิวบอกว่า ข้อบังคับสภาเปิดให้รัฐมนตรีในเรื่องที่ถูกถาม สามารถตอบประกอบคำตอบนายกฯ ได้ แต่โดยหลักการนายกฯ ก็ควรตอบเอง แต่ถ้าคำถามเจาะจงมาก ให้รัฐมนตรีช่วยตอบได้ไม่ผิด
คุณช่อแย้งว่า “ในเมื่อญัตติมีชื่อนายกฯ คนเดียว รัฐมนตรีอื่นที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ ที่ไม่ได้ถูกตั้งคำถาม เกี่ยวตรงไหน แต่เรื่องนี้อาจต้องให้ประธานสภาวินิจฉัย ... คนที่ไม่อยู่ในญัตติ มีสิทธิชี้แจงหรือไม่ ประธานต้องวินิจฉัย แต่เชื่อว่าประธานสภาคงบอกว่ามีสิทธิ”
อย่างไรก็ดี คุณพรรณิกสาร์ย้ำว่า ถ้านายกฯ ตอบเอง จะเป็นโอกาสดีในการพิสูจน์ตัวเอง ถ้าพูดดี เครดิตเพิ่ม คะแนนนิยมเพื่อ การอภิปรายเป็นอีเวนต์สภาที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด
“ถ้าจะพูดอะไรถึงนายกฯ ได้ อยากบอกว่า ให้นายกฯ ตอบเองเป็นส่วนใหญ่เถิด ในเมื่อยื่นอภิปรายนายกฯ คนเดียว เชื่อ 125% ว่าจะมีเรื่องที่นายกฯ ไม่สามารถโยนให้ใครตอบได้ ... นายกฯ แพทองธารจะต้องเผชิญเรื่องนี้และสังคมจะจับตาดู ถ้าฝ่ายค้านมีแต่น้ำล้วน ด่าเอาสะใจ ฝ่ายค้านจะเสียเครดิตไปเอง แต่ถ้านายกฯ ไม่ตอบ โยนให้คนอื่นตอบ นายกฯ จะเสีย เป็นสิ่งที่คนรอดู” คุณพรรณิการ์กล่าว