การอภิปรายซักฟอกรัฐบาลยังคงส่งสัญญาณว่าจะดุเดือด และเป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน และกลยุทธ์ของพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคประชาชนในการระดมเพลิงอภิปรายนายกฯ แค่คนเดียวพ่วง “คนในครอบครัว” จะทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ถูกโค่นล้มได้หรือไม่
ในประเด็นนี้นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนเห็นตรงกันว่า “เป็นไปไม่ได้” และศึกอภิปรายซักฟอกรัฐบาล 2568 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ “นายกฯ อิ๊งค์รอดแน่นอน”
การอภิปรายจะมีแต่ความร้อน ไม่มีไฟ
คุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ให้ความเห็นว่า คิดว่าพรรคประชาชนต้องแสดงฝีมือเต็มที่ แต่วันนี้พรรคประชาชนคงไม่มีทางเลือก เพราะไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ ไม่มีแคนดิเดตนายก ต่อให้พลิกกลับมาก็ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ต้องไปสู้ในการเลือกตั้ง 2570 หรือเร็วกว่าเท่านั้น
เมื่อเป็นอย่างนั้น สิ่งที่พรรคประชาชนต้องทำคือการทำลายความเชื่อมั่นของนายกฯ แพทองธารและพรรครัฐบาล อย่างไรก็ตาม นั่นจะทำให้เกิดแรงกดดันต่อพรรคประชาชน ที่จะต้องพิสูจน์ความเกี่ยวข้องระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับลูกสาวคือนายกฯ แพทองธาร ว่ามีลักษณะการครอบงำแทรกแซงชักใยจริง
“ถ้าแค่หยิบข่าวมาอ่าน มันไม่พอ ถ้าไม่มีหลักฐาน ถ้าไม่มีเวชระเบียนหรือคลิปที่คนไม่เคยเห็น มีเอกสารที่หลุดออกมาในชั้นความลับที่ทำให้เห็นว่าคนนั้นคนนี้เกี่ยวข้อง โยงไปมาแบบการวิเคราะห์ที่เราโยงกันอยู่ อาจจะไม่พอ”
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ(NBI) & ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) & นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ความเห็นว่า กระแสจากพรรคฝ่ายค้านที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นการพยายามส่งสัญญาณว่าจะมีความดุเดือด แต่ดุเดือดไม่มาก
“นี่เป็นการอภิปรายครั้งแรกขอพรรคประชาชน อาจมีความรู้สึกว่าต้องแสดงผลงานในฐานะฝ่ายค้าน แต่ก็ถูกคนปรามาสว่าหมกเม็ด ชกไม่เต็มหมัด ดังนั้นต้องพยายามโหมโรงว่าจะเอาจริง ว่าจะดุเดือด เป็นความพยายามส่งสัญญาณ แต่ในความรู้สึกส่วนตัว คิดว่าจะมีแต่ความร้อน ไฟไม่เยอะ” อาจารย์เกรียงศักดิ์กล่าว
เขาเสริมว่า ความร้อนในการอภิปรายจะเกิดขึ้นแน่ แต่ไฟหรือความสว่างไสวทางความคิด ซึ่งเกิดจากการชกไม่เต็มหมัด อาจหมายความว่าไม่มีไฟอะไรไปเผาเขาให้เกิดสัมฤทธิผล
อาจารย์เกรียงศักดิ์บอกว่า “การเลือกเป้าคนเดียวมองว่าคิดผิดในทางยุทธศาสตร์ ควรต้องเขย่าในรัฐบาลร้าว ให้เกิดการแตกสัมพันธ์ในพรรคร่วม การอภิปรายมีโอกาสแค่ปีละครั้ง ต้องทำให้แตก ต้องอภิปรายพรรคต่าง ๆ ด้วย โดยเฉพาะพรรคร่วมหลักอย่างภูมิใจไทย แต่เลือกเขย่าคนเดียว หวังจะทำให้พรรคร่วมไม่ลงคะแนนให้ ไม่มีทาง เขาจะประคองไปให้ยาวสุด เพราะประโยชน์ร่วมกันในตอนนี้มีมากกว่าการล้มดีล”
อาจารย์เสริมว่า “การอภิปรายแบบนี้ไม่มีทางชนะ ต้องทำให้เสียคะแนนในการเลือกตั้ง 2570 วันนี้ถ้าเอาเนื้อหาข่าวมาร้อยเรียงให้ดูมีตรรกะ มันไม่พอ จะล้มได้ต้องมีไม้เด็ด ข้อมูลลับสุดยอด ต้องมีไส้ศึกในหน่วยงานรัฐ เพราะประชาชนเป็นพรรคใหม่เอี่ยม ไม่มีคอนเนกชันเชิงลึกในราชการ โอกาสได้ข้อมูลจากความสัมพันธ์น้อย และข้อมูลจำนวนหนึ่งที่มาอภิปรายบางครั้งต้องใช้เงินซื้อ หลายครั้งข้อมูลเด็ดต้องซื้อ คุณซื้อหรือเปล่า เพราะพรรคประชาชนตั้งมั่นว่าจะไม่ซื้อ ข้อมูลก็ไม่มีทางเด็ด เก่งยังไงน่าจะได้แค่ความเข้าใจพยายามให้คนเชื่อ แต่ไม่มี หมัดเด็ด”
หมัดเด็ดอาจมี แต่เด็ดไม่พอน็อก
คุณสุรนันทน์มองว่า รัฐบาลเวลานี้ยังไม่มีข้อครหาคอร์รัปชันที่ใหญ่พอจะนำมาอภิปรายได้ ทำให้ไม่มีหมัดน็อก แต่การเน้นนายกคนเดียวสามารถทำลายความน่าเชื่อถือของนายกฯ ตอกย้ำความไม่น่าเชื่อถือได้ เพราะสาธารณชนยังคงมีข้อสงสัยว่าแพทองธารไม่ใช่นายกฯ ตัวจริง
“ทุกคนยังเชื่อลึก ๆ ว่า คนข้างหลังและคุมเกมทั้งหมดคือคุณทักษิณ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่มีบารมีสูงสุดในสภาตินนี้คือคุณทักษิณ การเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ เห็นได้ว่า ต้องเป็นการเจอกันระหว่างคนนอกระบบ นั่นคือคุณทักษิณ กับคุณเนวิน ชิดชอบ ที่มีข่าวมาเคลียร์กันก่อนหน้านี้” คุณสุรนันทน์บอก
เขาเสริมว่า “เชื่อว่ามีหลายข้อมูลที่ส่งให้ฝ่ายค้าน แต่จะใช้ได้มากน้อยแค่ไหน มีน้ำหนักแค่ไหน ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบดี ๆ แต่มีโอกาส เพราะในข้าราชการประจำ การที่รัฐบาลเพื่อไทยยังไม่สามารถขับเคลื่อนระบบข้ารชาการให้นโยบายเป็นรูปธรรมมันทำให้ข้าราชการยังไม่มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจในรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ตรงนี้ยังมีปัญหาอยู่”
อาจารย์เกียงศักดิ์แย้งว่า คนที่จะเอามาให้จะให้ข้อมูลไม่เด็ดที่สุด เพราะเขาไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางที่มีประเด็นที่จะเอามาเขย่ารัฐบาลได้เต็มที่ ไม่มีนักการเมืองพรรคใดตั้งข้าราชการที่ไม่ไว้ใจมาอยู่ใจกลางสำคัญ ไม่ว่าชั้น 14 หรือเรื่องอะไร ข้อมูลศูนย์กลางยากจะได้ข้อมูลเด็ด ได้แค่ข้อมูลปลายแถวจากข้าราชการอกหักที่ผิดหวังในรัฐบาล
คุณสุรนันทน์บอกว่า พรรคประชาชนเลือกใช้ยุทธศาตร์ตีคนเดียว เพื่อให้คนอื่นถอยห่าง ตีคนเดียว มีจุดที่เกิดความล่อแหลมได้ เช่น กรณีชั้น 14 ของคุณทักษิณ เรื่องเศรษฐกิจ การใช้ประชานิยม หรือเรื่องความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศที่ตอนนี้ไทยเจอมรสุมทั้ง MOU44 ส่งตัวอุยกูร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยังมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้นายกฯ ไม่น่าเชื่อถือ
จาก 4 เรื่องข้างต้นที่คุณสุรนันทน์กล่าวถึง อาจารย์เกรียงศักดิ์มองว่า อาจทำให้ศรัทธาต่ำลงได้ แต่ไม่ต่ำพอจะล้มรัฐบาล “อภิปรายครั้งนี้แค่แสดงฝีมือเท่าที่มี แต่มันไม่สุด ชกไม่เต็มหมัด หมัดเบา เป็นความร้อนในการใช้โวหาร อาจเกิดการประท้วงไปมา แต่ไฟและแสงสว่างจะไม่เกิด เรื่องที่พูดมาแต่ละประเด็นไม่สามารถเขย่ารัฐบาลได้”
พรรคประชาชนหวังผลวันหน้า?
คุณสุรนันทน์เชื่อว่า คนรุ่นใหม่มีพลัง การอภิปรายที่กำลังจะเกิดอาจไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงในวันนี้ แต่ความไม่น่าเชื่อถือของรัฐบาลเพื่อไทยจะเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะจากเรื่องคุณทักษิณ
“เห็นควรว่าควรอภิปรายคุณทักษิณได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณทักษิณมีบทบาท พูดเองด้วย แถมเป็นทั้งที่ปรึกษาอาเซียน ไปพบชนกลุ่มน้อย มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายกฯ ความเชื่อมโยงตรงนี้ทำให้คนรู้สึก มันไม่ล้มในวันนี้ แต่เป็นสารตั้งต้นสำคัญ 6 เดือนที่ผ่านมานายกฯ แพทองธารอาจปรับปรุงภาพลักษณ์ในหน้าสื่อได้ แต่ไม่ทำให้เกิดความเชื่อมั่น” คุณสุรนันทน์กล่าว
นอกจากนี้ ที่คุณทักษิณพูดทั้งเรื่องการแจกเงินหรือการซื้อหนี้ เป็นเรื่องประชานิยมที่กลไกทำไม่ได้ ตรงนี้ทั้งหมดบ่งชี้ว่า เริ่มเกิดปัญหาปากท้อง เริ่มมีม็อบเศรษฐกิจ ทั้งม็อบชาวนา ม็อบปลาหมอคางดำ ซึ่งอาจขยายวงได้ถ้านายกฯ ตอบคำถามในศึกอภิปรายครั้งนี้ไม่ดี
“ถ้าตอบไม่ดี อาจมีคนออกมาเพิ่ม คุณแพทองธารเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง อภิปราย 20-30 ชั่วโมงพูดไปเลย แต่เวลาตอบต้องฉะฉาน เตรียมตอบให้ดี ซ้อมให้ดี ไม่ต้องอ่าน นอกจากตัวเลข แล้วถ้าสามารถตอบได้ทั้งเรื่องพ่อ เรื่องต่างประเทศ เรื่องเศรษฐกิจ ถ้าตอบได้ ติดปีกเลย แปรวิกฤตเป็นโอกาส” อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีบอก
คุณสุรนันทน์ย้ำว่า “ความเสื่อม” ที่อาจเกิดขึ้นจากการอภิปรายครั้งนี้เป้นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มาจากทุนการเมืองที่ต่ำ เนื่องจากหักพรรคก้าวไกลมาในตอนนั้น แม้พยายามแก้ด้วยการเอาประชานิยมแบบเดิมมาแก้เกม ก็ไม่ได้ผลเต็มที่ “วันนี้เห็นด้วยว่าคงล้มรัฐบาลทันทีไม่ได้ แต่ความเสื่อมที่เกิดมันมี”