วันที่ 19 มี.ค. 2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธาน คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นน่าสนใจ 3 เรื่อง
1) ความคืบหน้าในการจัดงานมหาสงกรานต์ที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ขอเชิญชวนประชาชน ใส่กางเกงลายเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น
2) รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนงานศิลปะ
3) รับทราบความคืบหน้าการจัดงานประกวด Street Art ของเยาวชน
ด้าน นายสรวงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดงานมหาสงกรานต์ประจำปี 2568 ในเดือนเม.ย.ว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดงานมหาสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงที่ท้องสนามหลวง โดยท้องสนามหลวงการจัดงานจะเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 11 – 15 เม.ย. 2568 ซึ่งไฮไลต์ของงาน คือ วันที่ 12 เม.ย. ที่จะมีเทศกาลเฉลิมฉลอง (Carnival) หรือขบวนแห่ที่สร้างสรรค์โดยคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อทำให้ปีนี้เป็นปี “Grand Tourism and Sports Year” ตามที่ประกาศไว้ นอกจากนี้ ยังมีเวทีแสดงถึงศิลปวัฒนธรรม การเปิดพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนได้มาขายของประจำจังหวัด
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายในเรื่องของการใส่ผ้าไทย “ผ้าไทย ใส่สนุก” ผ้าไทยลายดอก และกางเกงลายอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น GI ประจำจังหวัด ส่วนเรื่องของกิจกรรมสงกรานต์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำแผ่นพับ “ลายแทงสงกรานต์ทั่วไทย” ซึ่งจะมีการจัดงานสงกรานต์ในจังหวัดต่าง ๆ โดยจังหวัดหลักที่มีการจัดงาน ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ สามารถติดตามได้ทางเว็บเพจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนงานศิลปะว่า กระทรวงการคลังได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ในการขับเคลื่อนเรื่องด้านศิลปะโดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง การจัดแสดงศิลปะนานาชาติระดับโลก ทำให้ไทยเป็นทั้งศูนย์แสดงงานศิลปะ และตลาดการซื้อขายศิลปะ หอศิลป์และการจัดเก็บผลงานศิลปะ โดยมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการหลัก คือ
1) การดึงดูดนักท่องเที่ยว การเพิ่มรายได้ สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ
2) การเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยเป็นที่ยอมรับ มีความมั่นคงทางอาชีพ มีพื้นที่ในการจัดแสดงและแสดงออก
3) การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้กับประเทศไทยผ่านทางผลงานศิลปะของศิลปินชาวไทย โดยการประชุมครั้งนี้ กระทรวงการคลัง
โดยกรมสรรพากรและกรมศุลกากร ได้นำเสนอที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปะ โดยออกมาตรการเพื่อที่จะรองรับในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านศิลปะ ดังนี้ 1)กรมสรรพากรมี 2 มาตรการ คือ
(1) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ โดยให้บุคคลธรรมดาที่ซื้องานศิลปะสาขาทัศนศิลป์ สามารถนำค่าซื้องานศิลปะมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีภาษีละ 100,000 บาท
(2) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ให้ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 60 โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน
ส่วนกรมศุลกากร อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการเพื่อจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศภายในเดือนเม.ย. 2568 ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ คือ ของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้า ได้แก่
1) เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ
2) ของที่ใช้ในการสร้าง ประกอบ หรือติดตั้งโรงงาน หรืออาคาร
3) ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์
4) ของที่ปล่อยออกมาจากเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์อื่น โดยภารกิจทั้งสองส่วน นี้ถือเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ที่จะทำมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้ง การแสดงงานศิลปะ การสร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ ๆ การซ่อมแซมงานศิลปะ การนำเข้างานศิลปะ และการส่งออก เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Art hub แห่งเอเชียต่อไปในอนาคต
ความคืบหน้าการจัดงานประกวด Street Art นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ได้เปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา แสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน ศิลปะบนผนังในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง สถานศึกษา รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ภายใต้คอนเซปต์ “Dream of Thailand” ระยะเวลาในการประกวด 29 – 30 มี.ค. 2568 นี้ โดยนำร่องระยะแรกของโครงการจะมี 33 จังหวัด 46 สถาบันอุดมศึกษา กรุงเทพฯ 8 มหาวิทยาลัย ภาคกลาง 6 จังหวัด 6 มหาวิทยาลัย ภาคเหนือ 8 จังหวัด 10 มหาวิทยาลัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด 12 มหาวิทยาลัย ภาคตะวันออก 2 จังหวัด 2 มหาวิทยาลัย ภาคใต้ 5 จังหวัด 8 มหาวิทยาลัย
โดยเปิดรับสมัครรุ่นมัธยมศึกษา และรุ่นนิสิต/นักศึกษา รวมทีมไม่เกิน 20 คน ทั้งนี้ระยะที่ 1 ทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท และโล่ประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรี ตลอดจนประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งจะมีการดำเนินการในระยะที่ 2 ในช่วงเดือนพ.ค. ชิงทุนการศึกษาที่ต่างประเทศ คือ โอดอส ซัมเมอร์แคมป์ (ด้านศิลปะ) และศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย