นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ที่หนาหูในช่วงนี้จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้หรือไม่ว่า การปรับครม.เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี ถ้านายกเห็นว่าคนใด หรือรัฐมนตรีกระทรวงใดมีความไม่เหมาะสม หรือมีความผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอร์รัปชัน หรืออะไรที่ไร้ประสิทธิภาพ ก็เป็นสิทธิของนายกฯที่จะปรับ ซึ่งเมื่อจะปรับแล้ว กระทรวงที่จะปรับอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหน ก็ต้องเคลียร์กับพรรคนั้น
ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครได้สัญญาณจากนายกรัฐมนตรีเลยว่าจะปรับ ครม. เป็นเรื่องที่พูดจากวงนอกกันเป็นส่วนใหญ่ ตนรู้สึกว่าอยู่ดีๆเรื่องนี้ ก็ลอยขึ้นมาเป็นประเด็น ตนคิดว่าไม่เกี่ยว เรื่องนี้ต้องรอถามนายกฯ อย่างเดียว
ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่าแต่ละพรรคก็มีเรื่องภายในของตัวเองที่ต้องไปเคลียร์ แต่สำหรับการมาร่วมเป็นรัฐบาล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ก็ยังไม่เห็นมีประเด็นอะไรที่ขัดแย้งกัน พร้อมยอมรับว่ามีความแตกต่าง แต่ความแตกต่างก็เป็นเรื่องที่คุยกันและเป็น เรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตยและเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะคิดเห็นต่างกันได้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยหลักการและความถูกต้อง เรื่องนี้ เป็นเรื่องนโยบายถ้ามีความไม่เข้ามจมองเป็นเรื่องกาสิโน ซึ่งนโยบายไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ และการทำเรื่องนี้ ต้องการแก้ปัญหาหลายอย่าง และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น กาสิโนเป็นส่วนเล็กนิดเดียว ไม่ถึง 10% -5% ด้วยซ้ำ และไม่ได้มีทุกที่ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์มีได้หลายส่วน จะมีกาสิโน หรือไม่มีก็อยู่ที่เงื่อนไข และความเหมาะสม ที่จะมีหรือไม่มี ไม่อยากให้เอาประเด็นนี้มาแล้วถาม สิ่งนี้ต้องเริ่มจากความเป็นจริง และพรรคการเมืองไหนไม่เข้าใจก็ต้องพูดคุยกัน ตามครรลองประชาธิปไตยมีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาชาติ ก็เข้าใจเรื่องเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าตนว่าเขาเข้าใจว่าอาจจะมีเงื่อนไขหลายอย่าง และการพูดคุยครั้งสุดท้ายกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ทุกคนเข้าใจและยอมรับว่าเป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ แม้กระทั่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ส่วนเมื่อคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าพรรคแล้ว สส.ในสภาที่สังกัดพรรค ก็เข้าใจด้วยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมย้ำว่าคุยกันกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าในมุมของนายภูมิธรรม ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมองว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะจับมือกันไปได้ตลอดหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยและ ภายในของพรรคเพื่อไทย แต่ละพรรคต้องไปทำความเข้าใจของตัวเอง ทำความเข้าใจได้ยอมรับหลักการได้เหมือนตอนจัดตั้งรัฐบาล ก็เดินต่อไปได้
ข่าวจึงถามย้ำว่า ณ ตอนนี้ยังเหมือนเดิม นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ผมเหมือนเดิม แต่ฝ่ายภูมิใจไทยก็คงต้องให้เขาไปถามกันในพรรคเขาเอง”
“ทวี” เผย ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับ ครม.
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรื่องของกระแสการปรับครม. หลังมีโพลแสดงความคิดเห็นไม่พึงพอใจ กระทรวงยุติธรรม ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีเป็น อำนาจของนายกรัฐมนตรี 100% แต่การอยู่ร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาลนั้นนายกรัฐมนตรีให้เกียรติทุกพรรค เมื่อมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการปรับครม. ก็จะมีการพบปะหัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ในส่วนของประเด็นความคิดเห็นของประชาชนเราก็รับฟัง แต่ในเรื่องของโพลปกติรัฐบาลเราจะยึดตามสำนักงานสถิติ แต่ถึงตัวอย่างในโพลจะน้อย จะกี่คนเราก็ต้องรับฟัง หากประชาชนมองว่ารัฐมนตรีท่านใดควรที่จะปรับปรุงเราก็ควรต้องปรับปรุง
เมื่อถามว่าในกระทรวงยุติธรรมนั้นมีจุดไหนบ้างที่อาจจะทำให้ประชาชนมองว่าควรปรับปรุงบ้างหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ทางการเมืองเราต้องมีเจตจำนงที่ชัดเจนนั่นคือทำบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมก็คือเราจะต้องมีการใช้ความยุติธรรมโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง รัฐบาลต้องโปร่งใส เราต้องแก้ไขปัญหาอาชญากรรมการกระทำผิดผู้ทรงอิทธิพลต่างๆ จะให้คนอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้
เมื่อถามว่าส่วนตัวพร้อมหรือไม่หากมีการปรับครม. เกิดขึ้นจริง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าพรรคประชาชาติเราได้โควตารัฐมนตรี 1 คน ซึ่งก็ยังไม่ได้คุยกันในพรรค
ทั้งนี้หากถูกปรับออกจากกระทรวงยุติธรรมงานที่ทำค้างอยู่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น พ.ต.อ. ทวี กล่าวว่า งานที่ทำมาก็มีความชัดเจน ทุกคดีจะมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะได้ข้อมูลมาโดยใช้วิทยาศาสตร์วิเคราะห์ มันก็แก้ไม่ได้ ทุกคดีก็ต้องทำด้วยความเชี่ยวชาญ ตนเองก็ไม่เข้าไปก้าวก่าย อน่าเข้าไปทำอะไรที่มิชอบด้วยกฎหมาย ต้องมีความสุจริตปราศจากอคติ และที่สำคัญต้องมีความกล้าหาญด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่ ในเพจของพรรคประชาชาติมีการโพสต์ แถลงการณ์ท่าทีจุดยืนของพรรคประชาชาติว่า ไม่รับหลักการเกี่ยวกับพ.ร.บ. ประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร(entertainment complex)นั้น พ.ต.อ.ทวี มองว่าอาจจะเป็นความเห็นของคนบางคนภายในพรรค เพราะว่ากฎหมายยังไม่ได้เข้า เพียงแต่ว่าหลักการนั้นมีมาตั้งแต่การแถลงนโยบาย
ส่วนเรื่องของการพนันเป็นเรื่องที่ขัดศาสนามุสลิม ซึ่งเราไม่ได้เอาเข้าที่ประชุมพรรคแต่โดยหลักการเมื่อเราเป็นรัฐบาลร่วมกันมีพ.ร.บ.นี้ ก็รับหลักการแค่ในส่วนของกาสิโน่อาจจะคัดค้าน เนื่องจากขัดต่อหลักศาสนามุสลิมและ ฐานเสียงของภาคประชาชาติก็มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนกรณีที่ในโพสต์ดังกล่าวนั้นมีโลโก้ของภาคประชาชาติระบุชัดเจนนั้น พ.ต.อ.ทวี เผยว่า ตนได้สอบถามเลขาธิการพรรคซึ่งทราบมาว่าเป็นความเห็นของทีมงานบางคน โดยอาจจะถามความเห็นของสส.พรรคในเรื่องกาสิโน แต่นี่เป็นพ.ร.บ. ประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร และขอไปดูตรงนั้นอีกทีหนึ่ง
เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การโหวตเป็นสิทธิ์ของสส.แต่พรรคก็ต้องมีทิศทางและต้องมีการประชุมกันต่อ เมื่อถามย้ำว่าทิศทางของพรรคเป็นอย่างไร“ อันนี้เป็นการถามคำถามสมมุติเพื่อให้ทะเลาะกันใหญ่“ พ.ต.อ.ทวี กล่าว
"นฤมล" เผยคุย "ธรรมนัส" แล้ว ยันกล้าธรรมพอใจตำแหน่งรมต.โควตาเดิม
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ส่งสัญญาณการปรับ พร้อมยอมรับว่ากระแสส่วนใหญ่มาจากการวิจารณ์ของสื่อมวลชน
ส่วนหากจะมีการปรับครม. จริงจะต้องมีการประสานไปยัง หัวหน้าพรรคหรือร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาฯ นางนฤมล ระบุ ก็ต้องคุยกันในพรรคทั้งหมด เพราะต้องเป็นมติของพรรคอยู่ดี ในขณะนี้ภายในพรรคก็ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ และจากการฟังข่าวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา บรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ต่างก็ระบุว่ายังไม่ได้รับสัญญาเช่นกัน
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันหรือไม่ กระแสข่าวดังกล่าวที่ลือกันหนาหู และส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องจริง นางนฤมล รีบตอบกลับ พร้อมกับหัวเราะในทันทีว่า มันก็ไม่จริงหลายอย่างเหมือนกัน พร้อมกับระบุต่อว่า น่าจะเป็นการคาดการณ์ของสื่อและนักวิเคราะห์ ที่คาดว่าอย่างนั้นคาดว่าอย่างนี้
ส่วนทางมีการปรับคณะรัฐมนตรีจริงพรรคกล้าธรรมจะยังคงยืนยันในตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ นางนฤมล ระบุว่า ยังคงยืนยันในสัดส่วนเดิม และเป็นเรื่องที่พรรคอื่นจะต้องไปพูดคุยเจรจากันเอง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคกล้าธรรมอยากได้กระทรวงมหาดไทย นางนฤมล ยืนยันว่าไม่มี และเรื่องดังกล่าวก็จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะอย่างกระทรวงมหาดไทย ก็อยู่ภายใต้กรรมกับดูแลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พอมาบอกว่าพรรคเราจะเข้าไปก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลกันเปล่าๆ และพรรคกล้าทำไม่เคยมีแนวคิดที่จะเอาสัดส่วนของพรรคอื่น และยืนยันว่าเรายังคงดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และขณะนี้เองเกษตรกรก็ยังประสบปัญหาอยู่ พร้อมยอมรับว่าได้มีการหารือกับร้อยเอกธรรมนัส ซึ่งก็มีความเห็นตรงกันว่า ยังพอใจในตำแหน่งและสัดส่วนเดิมอยู่ และยังไม่ได้มีความคิดที่จะขยับไปตรงไหน
ขณะเดียวกันนางนฤมลยังปฏิเสธให้ความเห็นว่าขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ โดยระบุว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามต้องมีการหารือกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ในส่วนของพรรคเราก็ยืนยันในสัดส่วนเดิม พร้อมที่จะทำงานสนองนโยบาย ของนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่
โดยนางนฤมลยังยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกกังวลถึงกระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีที่หนักอยู่ในขณะนี้ เพราะในกระทรวงเกษตรเองก็ทำงานใกล้ชิดกับทั้งข้าราชการมาโดยตลอด และเป้าหมายก็พูดมาชัดเจน ทั้งฝ่ายบริหารที่เป็นข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำถึงภารกิจสำคัญในการถวายงาน และภารกิจการดูแล ความเป็นอยู่ของเกษตรกร ให้ได้รับความเป็นธรรมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเรื่องการเมืองเราจะไม่เอามาเป็นปัจจัยในการทำงาน
“วราวุธ” ยัน ไร้สัญญาณปรับ ครม.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 22 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพล ประชาชนอยากให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้วหรือยังว่า เรื่องนี้มีหลายโพลออกมา ซึ่งความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะปรับอย่างไรหรือปรับแค่ไหน และจะปรับเมื่อไหร่ ส่วนตนคงฟังข่าว หรือรอฟังการพูดคุยกันก่อน ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการส่งสัญญาณการปรับ ครม.
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการแลกกระทรวงในโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ กล่าวว่า ชาติไทยพัฒนาแม้ไม่ใช่พรรคใหญ่ มีแค่ 10 คน คงไม่ได้ไปต่อรองอะไร จากการทำงานของเราที่ผ่านมา ตนเชื่อมั่นว่าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าจะอยู่ในภารกิจใด พรรคชาติไทยพัฒนาสามารถทำงานให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การไปต่อรองหรือสลับกระทรวง ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน
“สมศักดิ์” ยัน อำนาจปรับครม.อยู่ที่นายกฯ มอง คงร่ำลือกันไปเอง
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุดทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอาจถูกสลับให้ไปอยู่กระทรวงมหาดไทย ว่า เป็นข่าวที่มีการพูดคุยกัน แต่เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งประกาศแล้วว่ายังไม่มีการปรับครม. ยังไม่ถึงเวลา ก็ต้องฟังนายกฯ ที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย และความเหมาะสม ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดลงลึก
ส่วนนายกฯไม่เคยพูดกับ ครม.ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ บอกไม่มี ยังไม่เคยพูดกับ ครม. ตนเองคิดว่าคงร่ำลือกันไปเอง ดูจากสถานการณ์อื่นๆ คงสุดท้ายแล้วแต่จะวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมือง
“เอกนัฏ” ยัน ไม่มีสัญญาณปรับครม. ลั่น! ไม่แคร์
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.
เพราะหากมีการปรับ ครม. จะต้องมีการแจ้งหัวหน้าพรรค ซึ่งในส่วนของหัวหน้าพรรคไม่ได้มีการพูดคุย มีเพียงการพูดคุยในส่วนของการทำงานแต่ละกระทรวง และนายพีระพันธุ์ตั้งใจที่จะกดราคาค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เหลือ 3.99 บาท ขณะที่ในส่วนของตนมุ่งแก้ปัญหาอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญที่กระทบกับมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีและกระทบกับความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของคนไทย ถือว่าเป็นภารกิจหลักของตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวพรรค รทสช.เป็นเป้าที่จะถูกปรับออก ครม. แต่ปัจจุบันกลายเป็นพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แทน นายเอกนัฏ กล่าวว่า พูดตรงๆ ตอนนี้ทั้งสมอง สติ คิดแต่เรื่องอื่นอยู่ คิดแค่ว่าวันนี้อยู่ตรงนี้ทำงานให้ดีที่สุด การเมืองไม่มีอะไรแน่นอนหรอก พูดไปเดี๋ยวก็ผิด เดี๋ยวก็ถูก คาดการณ์ไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สำคัญวันที่เราอยู่เป็นรัฐมนตรีเราทำอะไรบ้าง ตนคิดแบบนี้จริงๆ ทั้งวัน ไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวมีเอกชนลงขัน เอาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหากมีการถูกปรับจริงจะเกี่ยวข้องหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่สนใจเรื่องข่าวลือ ไม่แคร์ และไม่กลัว ก็ทำงานในแบบของตนต่อไป ถ้าคนอย่างตนไม่กล้าทำ ก็ไม่รู้ว่าใครจะกล้าทำ ข่าวลือเอามาผูกโยง ถึงจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่เอามาสนใจ
เมื่อถามอีกว่า มีการตรวจสอบข่าวลือหรือไม่ ว่ามีความเชื่อมโยงกับกระแสข่าวการปรับ ครม.หรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ พูดไปมันก็ถูกบ้างผิดบ้าง ให้ไปถามในวงการดีกว่า อาจจะรู้ดีมากกว่าตนอีก
“สรวงศ์” ขออย่าโหมข่าวปรับ ครม.
เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลที่ประชาชนอยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในหลายกระทรวง ว่า ไม่ทราบเลย อย่างที่นายกรัฐมนตรีพูด และพูดตรงๆข่าวเรื่องการปรับ ครม. ตนรบกวนจริงๆในฐานะที่อยู่ตรงนี้ จะโดนปรับหรือไม่โดนปรับ ใครจะโดนหรือไม่โดน มันมีผลต่อการทำงานจริงๆ รบกวนว่า อย่างที่นายกฯได้แจ้งไปกับสื่อมวลชนและประชาชนว่า ณ ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทุกคนยังทำงานตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าผลโพลที่ออกมาแสดงให้ ครม.เห็นว่าควรมีการปรับ ครม. นายสรวงศ์ กล่าวว่า นายกฯ รับฟังทุกเสียง ทั้งเสียงของผลโพลและเสียงของประชาชน นายกฯรับฟังอยู่แล้ว ต้องให้ตัวนายกฯพิจารณาเอง ไม่ได้มีอะไร
เมื่อถามว่าหากอยากให้อายุ ครม. ยืดยาวจนครบวาระควรจะต้องมีการปรับ ครม.ให้เร็วขึ้นหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ต้องให้นายกฯพิจารณา
เมื่อถามว่าหากมีการปรับ ครม. แล้วมีการสลับกระทรวงพรรคร่วมรัฐบาลจะมีความไม่พอใจหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นอำนาจตัดสินใจของนายกฯ และมั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และเพื่อให้การทำงานราบรื่น แต่อย่างที่นายกฯบอก ณ ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เมื่อถามว่าในส่วนพรรคเพื่อไทยมีกระทรวงไหนที่อยากได้กลับมาคุมเองหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ซึ่งต้องให้นายกฯที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ได้ดูว่าการทำงานเป็นอย่างไร รัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงของพรรคการเมืองแต่ละพรรคทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกฯเป็นผู้พิจารณา