เวลา 10.00 น. วันที่ 22 กันยายน 2568 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกลุ่มตัวแทนจากกองทัพธรรม พร้อมทนายความ เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นเรื่องขอให้อัยการสูงสุดอุทธรณ์ คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาตรา 112 ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถการอุทธรณ์คดีนี้
โดยนายพิชิต กล่าวว่า ตนได้เคยมาติดตามกรณีที่นายทักษิณ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี มาตรา 112 ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดีของนายทักษิณทั้ง 2 คดี โดยรายละเอียดของคำพิพากษาตนคิดว่าทั้งทางนักกฎหมายเอง รวมถึงประชาชนคนไทย ก็มีข้อสงสัย เพราะในข้อบรรยายของศาลนั้นมีบางส่วนที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมอัยการในฐานะที่เป็นโจทก์ทำไมถึงไม่ดำเนินการให้ครบถ้วน สมบูรณ์แบบ ว่าคลิปนั้นเป็นคลิปจริงหรือคลิปแค่บางส่วน และคดีนี้เป็นความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และอัยการก็เป็นหน่วยงานราชการ มีความจำเป็นที่จะต้องปกป้องเกียรติภูมิของพระมหากษัตริย์
โดยวันนี้ก็ครบกำหนด 30 วันแล้วแต่ทางอัยการยังไม่มีท่าทีใด ๆ ว่าจะอุทธรณ์หรือขยายเวลาอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร เพราะในคดีก็มีข้อเท็จจริงที่น่าสงสัย และควรที่จะให้มีการอุทธรณ์ให้คลายข้อสงสัย นายพิชิตระบุต่อว่า ของตัวแทนยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด ให้ดำเนินการดังนี้คือ
1. หากให้อุทธรณ์ไม่ทันควรจะขยายเวลา ไม่มีการอุทธรณ์เรื่องนี้ เพราะคดีของประชาชนปกติที่โดนมาตรา 112 อัยการก็ดำเนินการทั้งสิ้น แต่คดีของนายทักษิณกลับยังไม่มีท่าทีดำเนินการ
2. ในส่วนของข้อเท็จจริงที่สำคัญและมีสงสัยว่า คลิปที่ส่งไปถึงศาลนั้นต้องการให้สำนวนคดีอ่อนหรือไม่ เพราะศาลบอกว่าไม่ได้ส่งคลิปเต็มมา และอัยการไม่สามารถ ดำเนินการหาคลิปเต็ม และพิสูจน์ต่อศาลว่าคลิปนั้นมีการตัดต่อหรืออย่างไร ว่าด้วยศักยภาพของอัยการสูงสุดน่าจะดำเนินการได้ จึงเดินทางมาเรียกร้องโดยเร่งด่วนคิดว่าภายในช่วงบ่ายนี้ อัยการน่าจะขอขยายเวลาได้
นอกจากนี้ นายพิชิตยังระบุต่อว่าอย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลอัยการถือว่าหย่อนยานทำให้สำนวนไม่เข้มแข็งดังนั้น ตนหวังว่าภาคสังคมและอาจารย์ด้านกฏหมาย ได้เร่งรัดให้ อัยการสูงสุดได้ดำเนินการอย่างรัดกุม เนื่องจากภาคประชาชนมีความสงสัยในคดีอย่างมาก
เมื่อถามว่าขณะนี้นายทักษิณติดคุกแล้วแต่ทำไมถึงยังออกมาเรียกร้องอยู่นั้น นายพิชิตระบุว่าเรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันคนละส่วนกัน อยู่ในคุกมันคือเรื่องที่เจ้าตัวนั้นยอมรับสารภาพ ในการกระทำผิดคอร์รัปชัน ซึ่งนายทักษิณไม่ได้มีคดีเดียว แต่ยังมีเรื่องของคดีมาตรา 112 จึงอย่าไปมองว่านายทักษิณติดคุกแล้ว แล้วทุกอย่างจบไป ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฏหมาย ซึ่งเราก็ติดตามอยู่ขณะนี้ จะเหมารวมกันไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายพิชิต ยังระบุว่า ถ้าหากทางอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์อาจจะเข้าข่ายความผิด มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อัยการอาจจะกลายเป็นจำเลยเองเนื่องจากปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
และอัยการเองเป็นทนายแผ่นดิน ต้องทำหน้าที่ปกป้องพระเกียรติภูมิให้ถึงที่สุดการไม่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ปกป้องพระเกียรติภูมิของพระมหากษัตริย์ให้ถึงที่สุดเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงต้องต่อสู้คดีถึงที่สุดไม่ควรจบลงที่ศาลชั้นต้นควรให้เรื่องไปถึงศาลฎีกาเพื่อให้สิ้นกระแสความ
โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโชค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือจากกลุ่มตัวแทน คปท. พร้อมระบุว่า ต้นจะนำเรื่องนี้ไปกราบเรียนให้กับอัยการสูงสุดต่อไป ส่วนเรื่องขยายเวลาขณะนี้ทางอัยการก็ได้มีการขยายเวลาให้แล้วจะถึงวันที่ 22 ต.ค. นี้ โดยจะมีเวลาในการพิจารณาเพิ่มอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้