10 ต.ค. 68 เวลา 14:00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกะทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ณ โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร อ.ตะพานหิน ต.พิจิตร
นอกจากนี้ ยังมี น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พล.ท.วรเทพ บุญญะ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ และประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 คน ร่วมต้อนรับ
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องชาวตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งได้ทราบจากผู้ว่าฯ พิจิตร และ ส.ส. ในพื้นที่ ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้อดทนอีกนิดนึง เพราะตอนนี้ช่วงปลายฝนแล้ว สถานการณ์กำลังจะดีขึ้น แต่ที่สำคัญคือ "รัฐบาลจะไม่เพิกเฉย และละเลย" พี่น้องประชาชนไม่ถูกทอดทิ้งแน่นอน
โดยภายในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้แม้ว่าไม่คุ้มค่ากับความเสียหาย แต่รัฐบาลจะเร่งเยียวยาและพยายามหาวิธีการช่วยเหลือ
โดยได้มอบหมายให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปหาวิธีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นความผิดของรัฐบาลที่ไม่สามารถระบายน้ำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ทัน ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
สำหรับกรณีที่อำเภอตะพานหินจังหวัดพิจิตรแห่งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนไปลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ ถ้าใครไม่ได้ลงทะเบียนผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเดือดร้อน ดังนั้น ผู้ว่าฯ ต้องสั่งการให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ช่วยกันทำให้เกิดความมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนทุกคนได้ลงชื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เพื่อเงินจะได้ไปถึงพี่น้องประชาชน
โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินเยียวยาเข้าบัญชีของพี่น้องประชาชน รวมถึงต้องลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งพลัสด้วย ซึ่งจะมีเงินค่าใช้จ่ายวันละ 200 บาท ให้พี่น้องประชาชนได้ไปจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้ทั่วประเทศมีเงินหมุนเวียน ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีเงินมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
โดยทุกครั้งที่ใช้สอย รัฐบาลจะเติมให้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเงินนี้ไม่ใช่เงินหยอดกระปุก ไม่ใช่เงินเยียวยา ไม่ใช่เงินช่วยเหลือ เป็นเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เราต้องใช้จ่ายใช้สอย นอกจากนี้ ยังมีเงินช่วยเหลือเติมเข้าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาท จากเดือนละ 300 บาท เป็นเดือนละ 2,000 บาท
ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณให้พี่น้องประชาชนหมดแล้ว ดังนั้น การจับจ่ายใช้สอยจะทำให้พี่น้องประชาชนมีเม็ดเงินมาใช้ในการซื้อข้าวซื้อของในช่วงปีใหม่นี้ด้วย "เมืองไทยไม่มีคนจน มีแต่คนมีน้ำใจ"
นายอนุทิน ยังฝากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้ให้การช่วยเหลือดูแลปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบภาวะบ้านเรือนถูกน้ำท่วม หมั่นคอยไปดูแลไปให้ความเข้าใจ และแจ้งไปยังสถานีอนามัยต่าง ๆ ถ้ามีการเจ็บไข้ได้ป่วย
ซึ่งในช่วงที่น้ำท่วมพี่น้องประชาชนต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอาจจะเกิดกระแสไฟรั่ว และหาดน้ำท่วมขังเป็นปริมาณมากขอให้ย้ายไปยังบ้านญาติหรือศูนย์พักพิงก่อน แล้วเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว จึงจะกลับไปที่บ้าน
เหล่านี้คือหน้าที่ของรัฐบาลในการบริหารจัดการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แน่นอนว่า บางครั้งเราอาจจะเอาชนะภัยธรรมชาติไม่ได้แต่เราจะพยายามทำให้ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ลดลงให้มากที่สุด ให้มีความเดือดร้อนน้อยที่สุด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเอาใจใส่พ่อแม่พี่น้องประชาชน
"การเอาใจพ่อแม่พี่น้องประชาชนถือเป็นการเอาใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย" คือ การทำให้ประชาชนไม่ลำบาก ด้วยการหามาตรการ หากลไก หาวิธี ที่จะทำให้ชื่อของพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนไปปรากฏที่ระบบ ปภ. ให้ได้ และสัปดาห์หน้าเมื่ออนุมัติเงินในระบบแล้ว เงินจะเข้าไปยังบัญชีพ่อแม่พี่น้องประชาชนทันที
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาแผนฟื้นฟูปรับระบบระบายน้ำ ทั้งการเสริมถนน ทำโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อให้พิจิตรได้มีระบบจัดการน้ำที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจอเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบนี้อีก ซึ่งต้องหาวิธีระบายน้ำ เช่น บึงสีไฟ ที่ในหน้าแล้งก็จะแล้งมาก เราต้องทำอย่างไรให้ผันน้ำเข้าไปในบึงสีไฟ และหาทางที่จะผันน้ำไปสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด โดยจะมีแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวต่อไป
แต่ขณะเดียวกัน หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก เราต้องให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน และหาทุกวิธีทางเพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
ด้าน ผู้ว่าฯ พิจิตร กล่าวว่า จากอิทธิพลของพายุวิภา พายุทาจิกิ พายุหนองฟ้า และพายุบัวลอย ตั้งแต่เดือน ก.ค. - ก.ย. 68 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกชุกทั้งภาคเหนือ และส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดพิจิตรเป็นวงกว้าง มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมขัง 13,961 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย 34,449 ไร่
โดย จ.พิจิตร ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบทั้งมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภค บริโภค พร้อมซ่อมแซมบ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงด้านการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง
สำหรับ อ.ตะพานหิน มีพื้นที่ประสบภัย 10 ตำบล 37 หมู่บ้าน 13 ชุมชน ที่พักอาศัยถูกน้ำท่วมขัง 1,033 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 1,349 ไร่ และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำจากแม่น้ำน่านและมวลน้ำจาก จ.เพชรบูรณ์ ได้เอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชตะพานหินบางส่วน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ