“อองตวน ปินโต” เปิดใจยอมรับห่าง “ชิปปี้ – ศรินทร์ ปรียานนท์” ปัดเลิก ลั่นแค่ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน!!

ถูกจับตาอย่างหนักว่าเลิกรากันแล้ว สำหรับคู่รักสุดหวาน อองตวน ปินโต และ ชิปปี้ – ศรินทร์ ปรียานนท์ ที่ช่วงหลังฝ่ายหญิงโพสต์แคปชั่นทำนองอกหักลงอินสตาแกรมส่วนตัว เมื่อได้เจอฝ่ายชายจึงถามสถานะว่าตอนนี้คืออะไร โดย อองตวน เผยว่า
"ชิปปี้-อองตวน" ส่อแววรักร้าว อันฟอลโล่ไอจีกัน
ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ ชิปปี้ โพสต์ข้อความ
"จริงๆ ตอนที่โพสต์รูป เอาตรงๆผมได้คิดอะไร ผมไม่ได้รู้สึกว่าแคปชั่นมันไม่ได้หมายถึงตัวเอง จนกระทั่งมาเห็นข่าว จนรู้สึกว่า คิดว่าเป็นเราทำอะไรมารึเปล่า"
ข้อความที่เขาโพสต์น่ากลัวมากเลย ที่บอกว่าอยากได้เอาไปเลย ข้อความนั้นมันมีเหตุการณ์อะไรไหม
"ไม่ครับ ไม่มี ไม่ได้คิดอะไร มันเป็นแค่แคปชั่น คือเราไม่ได้รู้สึกว่า มันเข้าตัวเอง ก็เลยไม่ได้คิดอะไร เหมือนแค่ผ่านๆ รูปสวย รู้สึกว่าการลงรูปในไอจีมันแบบเราก็จะมีการไปเสิร์ชแคปชั่นตามทวิตเตอร์หรือว่ากูเกิ้ลบ้าง ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็ทำแบบนี้ ก็เข้าไปดู รูปสวยดี"
มันมีสถานการณ์อะไรก่อนหน้านั้นไหม
"ถ้าเหตุการณ์ที่เหมือนแคปชั่นนี้ไม่มีใคร"
ช่วงที่เขาโพสต์ความสัมพันธ์เรายังเป็นแฟนกันอยู่ไหม
"ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าแฟน เราอาจจะเปลี่ยนสถานะจากแฟนมาเป็นเพื่อนหรือว่าพี่น้อง"
ก็คือเลิกกันแล้ว
"ผมคิดว่า คำว่าเลิกกันมันไม่ใช่คำที่ถูก คำว่าเลิกกันอาจจะทำให้นึกถึงคนที่ไม่คุยกัน ตัดกันเด็ดขาด ซึ่งมันไม่ใช่เรา เราไม่ได้เลิกกัน เราใช้คำว่าเปลี่ยนสถานะดีกว่า"
เพราะอะไรถึงเปลี่ยนสถานะ
"จริงๆ มันเป็นการคุยกันระหว่างเราสองคนมาสักพักใหญ่ๆ คนอาจจะเพิ่งเห็น หรือว่ามีแฟนคลับบางกลุ่มสงสัยมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ว่าเราสองคนมีการพูดคุยกันมาตลอด ว่าเราควรจะไปยังไงต่อหรือว่าจะเป็นยังไง เข้าใจว่าจนถึงวันนี้ คนอาจจะงง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในวันที่ทุกอย่างมันดี เราเลือกจะเอาสิ่งดีๆ ด้านบวกมาให้คนดู เราคิดตลอดว่าเราอยากจะเอาที่มันเป็นรอยยิ้มหรือแง่บวกให้คนดูตลอด แต่ว่าในวันที่มันเป็นด้านลบ เราเลือกที่จะไม่พูดกับคนอื่นดีกว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะแชร์"
เรื่องที่จะต้องปรับหรือต้องคุย มันคือเรื่องอะไร
"มันไม่ได้มีเรื่องไหนหรือเรื่องหนึ่งหรือเหตุการณ์ไหนเหตุการณ์หนึ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว รู้สึกว่าต้องคุยแล้ว มันไม่ใช่แล้ว เราคุยกันมาตลอด เพราะว่าทุกคู่เวลาคบกัน ต้องปรับกันตลอดเวลา อย่างที่บอกมันเป็นการตัดสินใจของเราทั้งสองคน ว่าเราเปลี่ยนสถานะมาเป็นแบบนี้ดีกว่า"
หลักๆมันคือเรื่องอะไรเรื่องเวลาปัญหาส่วนตัวใช่ไหม
“อย่างที่บอกว่าเราเลือกเอาสิ่งดีๆมาแชร์ให้คนดูเรื่องที่เป็นแง่ลบเราคิดว่าไม่จำเป็นให้คนรู้”
อย่างแคปชั่นที่ “ชิปปี้” โพสต์คนมองว่ามีมือที่สามเข้ามา
“ก็อย่างที่ผมบอกว่าผมผ่านแล้วไม่ได้รู้สึกว่าคือผม ไม่มีอะไรอย่างนั้น”
“ชิปปี้” อาจจะเข้าใจผิดรึเปล่า
“อันนี้ผมไม่ทราบครับ เดี๋ยวให้พี่ไปถามเค้า ผมมีความเชื่อว่าแคปชั่นในอินสตาแกรมบางครั้งเราอาจจะแค่เขียนๆ หรืออาจจะเป็น ณ โมเม้นท์นั้นๆ แต่ว่าจริงๆเชื่อว่าลึกๆแล้วไม่มีอะไร”
ณ ตอนนี้ยังคุยกับชิปปี้มากน้อยแค่ไหน
"เราก็คุยกันตามปกติ เราก็ยังมีไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็ยังคุยกันได้ปกติ เราไม่ได้มีการทะเลาะกัน เกลียดกัน เรายังปกติก็ยังเป็นห่วงยังรักน้องเหมือนเดิมแต่ว่าสถานะแค่เปลี่ยนไป"
ทางเขาอันฟอลโล่อินสตาแกรมเราใช่ไหม
“ครับ”
เราเสียใจไหม
“อย่างที่บอก ผมเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้มันไม่มีใครไม่เสียใจอยู่แล้ว แต่เราก็โตแล้วทั้งคู่ในระดับหนึ่งเชื่อว่าเราคุยกันแล้วตัดสินใจกันแล้วว่า ณ ตอนนี้เป็นแบบนี้น่าจะดีกว่า”
แต่เราไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม
“ผมเชื่อว่าในการลดสถานะมันมีการทำผิดกันทั้งสองฝ่ายจะมากน้อยแค่ไหนเรื่องเล็กเรื่องใหญ่จะใช้คำว่าไม่ผิดเลยไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีใครผิดทุกอย่างก็ยังคงปกติเหมือนเดิม”
ลดสถานะมานานรึยัง
“ก็ซักพักใหญ่หลายเดือน ไม่แน่ใจว่ากี่เดือน”
วันนี้น้องเขาออกงานเราทราบรึเปล่า
“เรารู้อยู่แล้ว”
เรากลัวไหมว่าเขาจะพูดอะไร
“เป็นห่วงเขาฝากพี่ๆนักข่าวดูแลเค้าด้วย”
อย่างคู่เราคนจะจำภาพว่าเป็นผู้ที่รักกันมากเสียดายไหม
“ก็จริงๆน้องก็เป็นคนหวาน เวลาเราเจอกันเราก็ยังรู้สึกว่าเขาก็ยังหวานปกติ”
มีโอกาสมีความสัมพันธ์เหมือนเดิมไหม
“ก็ไม่แน่ ผมพูดไม่ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงรู้แค่ที่ผ่านมาเวลาเราคบกันเราพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที”
ทุกวันนี้ต่างคนต่างยังไม่เปิดใจให้ใคร
“ตอนนี้ยัง”
ยังมีโอกาสเจอกับน้องไหม
“เจอๆๆครับ ก็ได้คุยกัน ก็ยังไปกินข้าวก็ยังไปดูหนังกันบ้าง ตามปกติ อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้เกลียดกันไม่ได้มีเหตุการที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติดมันไม่ใช่อย่างนั้นมันเป็นการตกลงกัน”
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้