อาชีพนักแสดงหลายคนมองว่าไม่ยั่งยืน จะมีคนบันเทิงสักกี่คนที่เดินบนถนนสายมายาได้อย่างยาวนาน แต่สำหรับพระเอกคุณภาพที่เคยขึ้นแท่น “สามีแห่งชาติ”มาโดยไม่รู้ตัวอย่าง ฌอห์ณ จินดาโชติ ได้ทุ่มเทกับทุกบทบาทที่ได้รับบนถนนสายนักแสดงมาถึง 15 ปี
ล่าสุด “พีพีทีวี นิวมีเดีย” มีโอกาสได้พุดคุยกับพระเอกหนุ่ม เขาเล่าถึงชีวิตการทำงานที่ความสำเร็จมาจากความพยายามและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง รวมถึง “งานเบื้องหลัง” ที่เป็นเป้าหมายก้าวใหม่ในชีวิต
“ฌอห์ณ จินดาโชติ” ขำ! ถูกเข้าใจผิด ขอสาวแต่งงาน
“ฌอห์ณ” เคลียร์ดราม่ามือที่สาม “พีค – ต๊อด”
และเขายังเปิดใจกับเราที่แรกถึงความรักกับสาวนอกวงการ เพชร - ภิพัชรา แก้วจินดา ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์กระเป๋า ที่ไม่หวือหวาแต่ลงตัวสุดๆ
หวานสไตล์ “ฌอห์ณ” อวยพรวันเกิดแฟนสาว เปรียบดั่งเพชรที่ส่องสกาว
โดย ฌอห์ณ เริ่มเล่าถึงการเข้ามาทำงานตรงนี้ว่า “ผมเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 17 ละครเรื่องแรกคือ กลิ้งไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ก็ทำงานมาประมาณ 15 ปีแล้วครับ ถ้ามถามว่าผมโตขึ้นมากแค่ไหน ผมว่าน่าจะเป็นช่วง 2 ปีหลังมานี้ที่เห็นได้ชัด เพราะผมได้ก้าวขาอีกข้างไปทำในสิ่งที่หลากหลาย ทำงานเป็น บก. (บรรณาธิการ) ให้กับ a day bulletin , ทำโปรดักชั่นเฮาส์ , ทำธุรกิจกับพี่สาวเป็นโรงไม้ที่คุณพ่อทำอยู่แล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจของคุณปู่มาก่อน ผมกับพี่สาวก็รีแบรนด์แยกไลน์สินค้าออกมา
การที่ได้ลองมาทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากงานในวงการ มันทำให้ผมได้เห็นอีกมุมนึง การวางตัวของผมก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย วุฒิภาวะก็เปลี่ยนไป รวมไปถึงความเป็นตัวเองก็ต้องเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน นอกจากที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นแล้ว ก็ยังมองหลายๆอย่างเข้าใจมากขึ้นด้วย เช็กตัวเองตลอดว่าเราทำอะไรผิด ทำอะไรถูก เมื่อก่อนเราเป็นแค่นายตัวเอง เรามีผู้จัดการส่วนตัว 1 คนที่ต้องทำงานด้วย ตอนนี้ผมมีลูกน้องเป็น 10 คน เราก็ต้องดูแลเขาหลายๆอย่าง เมื่อก่อนจุดศูนย์กลางของตัวเองอาจจะเป็นเรื่องของการทำงาน เล่นละคร อ่านบท ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้ความรับผิดชอบมันเยอะก็เลยต้องเปลี่ยน ความเข้าใจอะไรต่างก็เลยจะลึกซึ้งขึ้น”
ทำงานเบื้องหลังควบคู่เบื้องหน้า?
“ครับ เอาจริงๆอาชีพของผมในวงการที่เป็นเบื้องหน้า เราก็แค่เหนื่อยกับการรับผิดชอบของตัวเราเอง เล่นละครก็จะมีคนส่งบท ส่งเบรกดาวน์มาให้ แต่พอผมได้มาทำงานเบื้องหลัง ก็ต้องทำเองในหลายๆอย่าง ทั้งไปดูโลเคชั่น ติดต่องาน คุยกับลูกค้า กว่าจะจบก็มีขั้นตอนต่างๆ จากที่เราเคยเห็นคุณค่าของการทำงานแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของงานมากขึ้นกว่าเดิมมากๆ เข้าใจเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของผมตลอดที่ผ่านมาเป็นยังไง ผมก็ต้องวางโพซิชั่นตัวเองใหม่ กระบวนการความคิดก็เปลี่ยน ต้องวางให้ถูกกับงานที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้น ถามว่ายากไหม ผมว่ามันยาก แต่ข้อดีคือมันทำให้ผมเติบโตในสถานการณ์แบบนี้ และก็ต้องเรียนรู้ครับ”
เริ่มลุยเบื้องหลังมากขึ้น โจทย์การรับงานในวงการของ “ฌอห์ณ” เปลี่ยนไปไหม?
“จริงๆผมก็มีโจทย์ของผมอยู่แล้วด้วยครับ โชคดีที่พี่ผู้จัดการคนเก่าและพี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) เขาสอนมา ว่าจะเดินไปทางไหนในการการแสดง เขาก็สอนว่าการรับงานมันมี 3 ข้อนะ คือ รับงานเพื่อรับรางวัล , รับงานเพื่อเงิน หรือรับเพราะงานชิ้นนั้นเป็นงานคุณภาพ เราต้องหมุนวนลูปอยู่ตลอด และผมเองก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับคนเก่งๆเสมอ ซึ่งก็เป็นผลดีจริงๆครับ ซึ่งในปัจจุบันด้วยความที่ผมเองก็ทำหลายอย่าง อายุก็เริ่มเยอะขึ้น เลยคุยกับผู้จัดการส่วนตัวว่าผมวางหมากชีวิตตัวเองแล้วนะ อยากเล่นละครในบทที่คนชอบ จดจำ และท้าทายตัวผมด้วย”
ผ่านมาหลายช่วงเวลา เป็น “สามีแห่งชาติ” โด่งดังทั่วประเทศ เรายึดติดกับชื่อเสียงไหม?
“ไม่เลยๆ ตอนนั้นผมยังงงเลยนะเอาจริงๆ ด้วยความตัวผมเองเป็นน้องชายของ “พี่พลอย” (พลอย จินดาโชติ) ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคาดหวังว่าผมจะมาอยู่ในวงการเหมือนพี่สาว ผมเห็นพี่ตัวเองเหนื่อย ทำงานหนัก เราเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมาทำงานตรงนี้ได้ ส่วนพี่สาวผมเองก็ไม่เคยบอกหรือเอาผมไปฝากกับใคร เขาบอกแค่ว่าถ้าดวงผมจะได้เป็นดาราก็จะได้เป็นเอง แต่ถ้าพี่เอาผมไปฝากกับคนอื่นแล้วเขาให้งาน มันก็จะเป็นแค่ช่วงเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ถูกใจคนทำงานเขาก็ไม่จ้าง
ดังนั้นอย่างที่บอกว่าผมก็ไม่เคยคาดหวังแต่ต้น ทั้งที่งานตรงนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวผมที่ผมจับต้องได้ พอได้เข้ามาทำงาน ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังมาก เพราะถ้าไปคาดหวัง แล้วผลลัพธ์มันไม่ออกมาตามที่หวังเราเองก็จะเจ็บตัว แต่เราก็ต้องตั้งใจและเต็มที่กับทุกโอกาสที่ได้รับไม่ว่าจะงานอะไรก็ตามครับ
อย่างตอนที่เล่นเป็นพระเอกเรื่องแรก เล่ห์รตี ผมก็ไปแคสปกติ ตอนรู้ว่าได้เล่นยังถามตัวเองว่าได้เล่นจริงเหรอ (หัวเราะ) ตอนที่ละครกระแสดีก็รู้สึกขอบคุณแฟนๆครับ มันเกินความคาดหมายของผมมากๆ มีทั้งจองคิวงาน จองคิวสัมภาษณ์ ฯลฯ เมื่อก่อนละครที่ผมเล่นก็มีคนรู้จักผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้วงกว้างมากนัก ความดังที่ไม่ได้คาดหวังมันเข้ามาหาผมเองโดยไม่รู้ตัวเลย เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆและเป็นโอกาสที่ต่อยอดงานของผมด้วย (ยิ้ม) เป็น “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ที่ทุกคนรู้จักและรอดูผลงานของผม ซึ่งผมว่าผมเป็นคนนึงที่โชคดีที่ผู้ใหญ่เมตตามอบโอกาสดีๆให้ และมีแวดล้อมรอบตัวที่ดี ถามว่ามีเกือบจะหลุดไหม มันมีอยู่แล้ว แต่ไม่มากครับ ด้วยความที่ว่าตอนนั้นทุกอย่างมันเข้ามาหาง่ายมากๆ แต่อย่างบอกว่าผมโชคดีที่มีคนรอบข้างดี คอยเตือนสติ ในช่วงเวลานั้นมันก็มีหลายๆเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเจอก็ต้องเจอ ก็ต้องมีสติในการตั้งรับ อะไรที่ผิดก็แก้ไข ซึ่งหลายๆเรื่องก็ทำให้เราเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้น”
งานดี ความรักก็ดีด้วย?
“(ยิ้ม) ตอนนี้ผมเองก็มีแฟนแล้ว เขาป็นคนนอกวงการอายุไม่ได้ห่างกันเยอะ เราก็เริ่มคุยเรื่องอนาคตกันแล้วว่าเราจะแผนยังไง ผมจะเป็นนักแสดงอีกนานไหม ผมจะทำอะไรต่อ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทำงานหลายอย่าง ทำงาน 7 วัน
กับเขาผมโชคดีมากที่มีโอกาสได้พบเขา โชคดีมากที่เขาให้โอกาสผมเข้าไปในชีวิตเขา ตั้งแต่รู้จักกันมาปีกว่าๆ เขาพาผมไปเจอแต่สิ่งดีๆ คิดที่จะให้ รู้จักวางแผน รู้จักอดออม ใช้ชีวิตง่ายๆสบายๆ เวลาผมอยู่กับเขาผมไม่เคยเคยคิดว่าตัวเองคือใครหรือทำอะไร ส่วนตัวเขาเองก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เรื่องผมเลยว่าไม่รู้ว่าผมเป็นดารา เพราะเขาไปอยู่เมืองนอกมานาน เขามารู้ว่าผมเป็นใครตอนเห็นไอจีว่าทำไมคนติดตามเยอะจัง
ผมว่าด้วยความที่เขาไม่รู้มาก่อนว่าผมเป็นใคร เลยทำให้ต่างคนต่างมองในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น เลยไม่เสียเวลากันเยอะในการที่จะทำความรู้จักกัน ไลฟ์สไตล์เรามีความคล้ายกัน เขาไม่หวือหวา และถ้าคนที่รู้จักผมก็จะรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่จะเข้ากับคนง่ายมากนัก เพื่อนในวงการผมเองก็ไม่ได้มีเยอะมาก”
เริ่มเปิดตัวมากขึ้น?
“เมื่อมีความชัดเจนทั้งสองฝ่าย เรามั่นใจซึ่งกันและกัน ผมอยากให้เกียรติเขา ด้วยความที่เขาเป็นคนนอกวงการแต่ผมเป็นบุคคลสาธารณะ ผมก็อยากให้เขามีความมั่นใจว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญมากๆของผมด้วย ถามว่าเขาตกใจและเข้าใจไหม วันที่ถูกโฟกัสจากภายนอกมากขึ้น จริงๆมันก็ยากที่เขาจะเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาเขามีชีวิตปกติมาก แต่วันนึงมีคนมากดติตามไอจีเข้ามากขึ้น มากดไลก์มากขึ้น มาโฟกัสเขามากขึ้น เขาก็มีงงๆ แต่สิ่งที่ผมทำคือให้ความมั่นใจกับเขา ว่าคุณปลอดภัยแน่นอน ผมจะปกป้องคุณให้มากที่สุด แต่ในอีกมุมนึงตัวเขาเองก็ทำความเข้าใจมากขึ้นด้วย ถามว่ามีกระแสไปในเชิงลบไหม ก็มีครับ แต่ผมมองว่ายิ่งมีมุมลบๆมา ผมยิ่งอยากจะบอกกับทุกคนว่าเขาทำให้ผมดีขึ้น มีความสุข ถามว่าวางอนาคตกับคนนี้ไหม เขาคืออีกหนึ่งเป้าหมายที่ผมวางอนาคตไว้ครับ (ยิ้มเขิน)”