“แตงโม นิดา” เศร้า! สูญเสียคุณพ่อ บอกไม่ต้องห่วง จะดูแลตัวเองให้ดี
“แตงโม นิดา” เผยเอากระดูกพ่อแปะไว้ที่ตู้เย็น ไว้มองแทนความคิดถึง
โดยเฉพาะโพสต์ที่คุณพ่อโสเคยเขียนถึงลูกสาวและเล่าถึงการเลี้ยงลูกตามลำพัง ทำให้หลายคนชื่นชมความรักของผู้เป็นพ่อที่ลูกคือทุกอย่างในชีวิต
ทาง “พีพีทีวี” ขอย้อนระลึกวันวานและความทรงจำของทั้งคู่ เมื่อครั้งที่สองพ่อลูกมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ “สำรับคนดัง” เมื่อปี 2559 โดย “พ่อโส” ได้เล่าถึงวิถีการเลี้ยงลูกฉบับคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว พร้อมเผยถึงเมนูเด็ด “แกงจืดซี่โครงหมูต้มผักกาดดอง” เมนูแรกที่ทำให้ลูกสาวสุดที่รักทาน
คุณพ่อโส : “เป็นเมนูแรกที่หัดทำด้วยและทำให้น้องโมทานเป็นเมนูแรก นั่นหมายถึงสมัยที่เลิกกับคุณแม่เขาแล้ว เอาน้องโมมาเลี้ยงเอง ตอนนั้นน้องโมอายุประมาณ 5 ขวบ”
แตงโม : “โตมากับผักกาดดอง ก็มีทำหลายเมนูแต่อันนี้บ่อยสุด บ่อยมาก อร่อยค่ะ เพราะหนูกินได้เป็นบางผักเอง กินผักสดๆหรือผักที่มีกลิ่นเหม็นเขียวไม่ได้ ต้องต้มให้เปื่อยจนแทบไม่ได้กลิ่น(ยิ้ม)”
คุณพ่อโส : “ทำอย่างอื่นไม่เป็น พ่อเป็นลูกคนจีน ลูกผู้ชายเขาจะไม่ให้เข้าครัว ไม่ทำกับข้าว ไม่ซักเสื้อผ้า สาเหตุที่ทำเป็นเพราะพอเลี้ยงน้องโม ตอนนั้นเราไปอยู่กันแถวหลังรามฯ จะมีอาหารขายเยอะมาก เวลาไปซื้ออาหารถุงมามันเผ็ดไปบ้าง น้องโมทานไม่ค่อยได้ เราเลยมีความคิดว่าเราต้องเข้าครัวแล้ว ก็นึกถึงเมนูนี้ พ่อมีสูตรของพ่อ
รำลึก 1 ปี “แตงโม นิดา” จากไปไม่หวนคืนกลับ ย้อนชีวิต-ผลงานจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
การเลี้ยงลูกถามว่าต้องทำอะไร ก็แม้กระทั่งซักผ้าที่ก็ทำไม่เป็น ตอนลูกไปโรงเรียนถุงเท้าจะเป็นสีขาว ไปถึงโรงเรียนครูจะให้ถอดรองเท้าเข้าห้องเรียน กลับมาถุงเท้าก็จะดำปี๋ก็พยายามขยี้ ซึ่งขยี้ยังไงมันก็ไม่หมด จนผ่านไปสักเดือนนึงไปบ้านพี่สาวไปถามเขาว่าทำยังไงให้ถุงเท้ามันขาว และพอลูกโตขึ้นระดับนึงก็เริ่มรักสวยรักงาม เริ่มอยากถักเปีย คนไม่รู้ดูเหมือนง่าย เราก็จำมาทำ”
จากนั้น “พ่อโส” เล่าต่อว่าเห็นแววทางการแสดงของลูกสาวมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว และเผยถึงของขวัญที่จะมีให้ลูกเสมอคือจดหมาย
คุณพ่อโส : “ปกติไปโรงเรียนต้องไปปลุก 3 รอบ ตื่นยาก เพราะอยู่ใกล้โรงเรียน แต่ถ้าวันไหนบอกไปแคสโฆษณา 6 โมงครึ่งตื่นแล้ว ตื่นเอง ตอนนั้นโมอายุประมาณ 14 -15 ปี และอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อเห็นคือเด็กๆเขาทำกิจกรรมโรงเรียน
ของขวัญที่พ่อจะให้แตงโมในวาระสำคัญๆคือ “จดหมาย” อย่างวันเกิด จะมีหลักสอนอยู่อันนึง ก็จะสอนว่า ณ วันนั้นจะต้องทำสองอย่างคือ
1.จะต้องทบทวนว่าปีที่ผ่านมา เราทำอะไรไปบ้าง เราพลาดเรื่องอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้แก้ไข เราประสบความสำเร็จเรื่องอะไรบ้าง
2. ณ วันนั้นต้องคิดว่าปีถัดไปมีเป้าหมายจะทำอะไร นอกจากปีนั้นจะไม่มีอะไรที่ตื่นเต้นก็จะเป็นอวยพรธรรมดา”
คุณพ่อโส เล่าอีกว่า “มีเรื่องที่ตัวเองกลัวถึงขนาดว่าเกือบจะไม่มี “แตงโม” เพราะคุณพ่อคุณแม่ตัวเองเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยประมาณ 40 กว่าๆ จบม.4 คุณพ่อเสีย และจบ.มหาวิทยาลัยคุณแม่ก็เสียอีกคน วันที่คุณแม่เสียตอนเดินออกจากโรงพยาบาลความรู้สึกมันเวิ้งว้างมาก ไม่มีสิทธิ์ตกงาน อย่างเพื่อนๆถ้าตกงานยังมีพ่อแม่อยู่ แต่เราไม่มีใครเลย ตรงนี้มันเลยหลอนตัวเราถ้ามีลูกแล้วเราไปเร็วใครจะดูแลลูก
ซึ่งจริงๆตอนแต่งงานกับคุณแม่ของแตงโม เป็นข้อแม้เลยนะว่าเราจะไม่มีลูกกัน ด้วยความกลัวตรงนั้น แต่คุณแม่เขาแอบไม่กินยาคุม เพราะเขาคิดอีกอย่างอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เขาไม่กลัว ก็เลยมีน้องโมเกิดมา
ถามว่าเป็นห่วงลูกเรื่องอะไร ก็เรื่องคู่ครอง แต่พ่อจะไม่ไปยุ่งเกี่ยว จะไม่แสดงออกว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะเป็นแฟนเขาไม่ใช่แฟนเรา เพราะฉะนั้นต้องให้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์”
ด้าน “แตงโม” เล่าเรื่องของตัวเองว่า “ที่ไปเรียนพยาบาลเพราะอยากจะมีลูกมาก ครอสของผู้ช่วยพยาบาลจะเน้นไปทางเด็กเล็กและคนแก่ อยากเรียนเพื่อมาดูแลลูกตัวเองและก็ดูแลคุณพ่อ เผื่อมีอะไรฉุกละหุกแบบอากง อาม่า จะต้องมีการปฐมพยาบาลหรือพยาบาลส่วนตัวเลยด้วยซ้ำก็เลยไปเรียน
เรื่องความรักรู้สึกว่าไม่มีก็ได้ ถ้าไม่มีเราได้ช่วยมนุษย์หนึ่งคนเพราะเราเองอยากมีลูกมาก อยากช่วยคนที่ด้อยโอกาสไปรับเขามาเลี้ยง ได้ช่วยด้วย ได้บุญด้วย ความรักก็ไม่ได้ปิดกั้น ถ้ามีก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่รู้สึกขาด
กับคุณพ่อโมจะเป็นคนติดพ่อมาก จะนอนห้องเดียวกับพ่อจนโตมาก ไม่ยอมแยกไปไหน ต้องนอนบนแขนพ่อ จำได้ว่ามัธยมแล้วยังไม่ยอมแยกห้องนอน จนพ่อไม่ไหวแล้ว บอกว่าต้องมีโลกส่วนตัวบ้างนะ เราจะรู้สึกว่าพ่ออยากให้เราเป็นเพื่อน เลยปรึกษาได้ทุกเรื่องจริงๆ และเรื่องที่พ่อขอในชีวิตคือ ยาเสพติดห้ามแตะ”
โดย “พ่อโส” เสริมว่า “การให้เกียรติซึ่งกันและกันของพ่อลูก อย่างห้องเขาพ่อไม่เคยเข้าไปแอบค้นเลย” จากนั้นทั้งคู่ก็กอดกันด้วยความรักและความอบอุ่นที่ล้นในหัวใจ
นี่คืออีกหนึ่งความรักแท้ของพ่อลูกฟอร์เอเวอร์ ที่ตอนนี้ทั้งคู่คงได้กอดกันอีกครั้งบนสวรรค์