
“เพลงขวัญ นัตยา” นางเอกดาวรุ่ง ทุ่มเทและตั้งใจ อยากเป็นนักแสดงคุณภาพที่ถูกยอมรับ
เผยแพร่
นางเอกสาว “เพลงขวัญ - นัตยา ทองเสน” กับเส้นทางในวงการบันเทิงที่เข้ามาแบบไม่ได้ตั้งใจ และสุดท้ายกลายเป็นหลงรัก และอยากเป็น ‘นักแสดงคุณภาพ’ พร้อมแย้มเรื่องหัวใจโสดไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์
10 ปีในวงการ พระเอกฮอต “เจษ เจษฎ์พิพัฒ” ตั้งเป้าหมายที่ปัจจุบัน เพื่อสานต่ออนาคต
“ก้อง วิทยา” ปลดล็อก! ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร อดีตเด็กเกเร เจอจุดเปลี่ยนเข้าวงการขึ้นแท่นดาวรุ่ง
วอลเลย์สาวไทย ปลอดโควิดยกทีม พร้อมดวลญี่ปุ่น เย็นนี้
ค่อยๆเป็นดาวฉายแสงแจ้งเกิดในวงการบันเทิง สำหรับนางเอกหน้าลุคเฉี่ยว เพลงขวัญ - นัตยา ทองเสน ที่จับพลัดจับผลูเข้ามาโลดแล่นในวงการกับแจ้งเกิดบนเวทีการประกวดเฟ้นหานางแบบ ก่อนจะสานต่อสู่การเป็น ‘นางเอก’ มีผลงานทางหน้าจอทีวีให้ติดตามต่อเนื่อง
แม้ชั่วโมงบินจะยังไม่มากนักและต้องเจอโจทย์หินปราบเซียนหลายครั้ง แต่สาวคนนี้ก็ไม่เคยถอดใจ ไม่เคยยอมถอย เพื่อหวังว่าวันนึงจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้กับการเป็นนักแสดงคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ
เข้าวงการมาแบบไม่ตั้งใจ?
“ไม่เลย ไม่อยากเป็นอะไรเลยค่ะ (หัวเราะ) เพลงเริ่มเข้าวงการจากการประกวดดาวเดือนแล้วเพื่อนก็เลยชวนมารายการเดอะเฟซฯ จำได้เลยว่ามา 6 คนตกรอบหมดเลยเหลือหนูคนเดียว เข้ามาก็มีแต่ฝรั่งก็แบบคุยจะคุยกับเขารู้เรื่องไหมเนี่ย ตอนนั้นคือเป็นจุดเริ่มต้นค่ะที่ได้เข้ามาในวงการ ที่มาประกวดส่วนหนึ่งก็คือเราชอบรายการด้วยดูตั้งแต่ ม.6 แต่ถ้าให้เดินมาคนเดียวคือไม่เอา แต่พอเพื่อนชวนมาก็เลยมา จำได้เลยว่ามีประมาณ 3,000 กว่าคน ตอนนั้นเยอะมาก เข้ารอบเราก็ดีใจมากเลยนะตอนนั้น แต่ก็คิดว่าเรามีดีอะไรสูงหรอหรือว่ายังไง ตอนนั้นคือไม่รู้เรื่อง ไม่เคยเดินแบบไม่เคยอะไรเลย เรียนแต่หนังสือ ยอมรับเลยค่ะว่าตอนแรกท้ออีพีแรกโดนด่าเยอะมาก ดราม่าเยอะมากจนอยากตกรอบ ไม่สู้แล้ว เราก็คือคนที่เพื่อนโหวตออกด้วย (หัวเราะ) ก็ยอมรับแหละเราไม่เป็นจริงๆ แต่ดันหลุดกลับเข้าไปอยู่ในรายการ เราอยู่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยความภาคภูมิใจเพราะเราห่วยสุดในรายการ
แต่ดันเข้ามาเรื่อยๆ พออีพีหลังๆก็คือคิดว่าไม่กลับแล้วนะบ้าน ‘ฉันต้องไปต่อ ฉันต้องดีที่สุด’ (หัวเราะ) ก็คิดแบบนั้นด้วยความที่มาถึงขนาดนี้แล้ว ถอยหลังไม่ได้แล้ว ก็พยายามมากขึ้น จนได้ไปไฟนอลวอร์ค 4 คนสุดท้าย ถึงจะไม่ชนะแต่ก็เกินความคาดหมายของเราแล้วค่ะ แล้ว “พี่เกด” (เมทินี กิ่งโพยม) คือคนที่เพลงต้องขอบคุณมากๆเลยค่ะ จัดให้ทุกอย่าง ส่งเรียนการแสดง ส่งไปทำสวย เรียกว่าแม่เกดจัดให้จริงๆ หลังจากนั้นพี่เขาก็พามารู้จักช่องวัน พอมาแคสละครก็เหมือนย้ายโรงเรียนมันต้องเริ่มต้นใหม่อีกศาสตร์นึงเลย รู้สึกว่าได้ก็ได้ไม่ได้ก็ไม่ได้ แล้วเขาให้แค่เป็นนางเอกอีกคือเราไม่ได้เป็นคนมั่นใจในตัวเองว่าสวยจนต้องเป็นนางเอกมีคนสวยเยอะมากวันนั้นแล้วเราก็ได้”
“พี่เกด” สอนหรือคำสอนอะไรที่เราเอากลับมาใช้ได้บ้าง?
“พี่เกดก็จะฝรั่งๆเป็นคนฟีลเพื่อน อย่างช่วงโดนดราม่าหนักมากพี่เกดก็บอกว่า “น้อง น้องจะไปอ่านทำไม น้องจะเป็นบ้านะถ้าน้องอ่าน พี่ยังไม่อ่านเลยพี่ก็โดนแต่พี่ไม่อ่าน เพราะพี่ไม่อยากเป็นบ้า” ก็แค่นั้นเลย แล้วพี่เกดก็เหมือนเป็นคนสอนให้มีเป้าหมายด้วย พี่เกดเคยเรียกลูกทีมไปนอนบ้านเขาแล้วให้เขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากมีแบบเว่อร์ๆไปเลย หนูก็บอกหนูอยากมีบ้านอยู่หน้าหอไอเฟล เขาบอกให้ฝันใหญ่ไปก่อนเลยมันไม่ผิดที่เราจะฝันแล้ว เราก็สามารถที่จะพยายามไปได้มันก็ต้องมาด้วยความมุมานะของเรา ความขยันด้วย มันไม่ได้มีแค่ความทะเยอทะยานอะไรแบบนี้ พี่เกดก็สอนทุกอย่างนะ พอมาเล่นละครเราก็เหมือนความไม่มั่นใจเริ่มกลับมา พี่เกดก็บอกว่าต้องมีโพเทนเชียลที่จะเป็นได้
แล้วจนเรื่องล่าสุดเรื่องละครใต้หล้า มันมีวันนึงที่เพลงถ่ายอยู่ที่เดียวกันแล้วพี่เกดก็มาหา หนูก็บอกพี่เกดว่า “ไม่รู้จะดีหรือเปล่าพี่หนูไม่รู้ว่าจะโอเคไหม” พี่เกดก็บอกว่า “น้องทำได้” คือเขาก็ดึงความมั่นใจของเราออกมาอีก คือจริงๆมันอยู่ที่มายด์เซ็ตเราอย่างเดียวเลย ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พี่เกดก็จะไลน์มาหาตลอด จากที่เห็นหนูในวันแรกจนมาถึงตอนนี้ พี่เขาก็บอกว่าดีใจที่เห็นเรามาตรงนี้ เป็นห่วงแค่อย่างเดียวก็คือเรื่องทัศนคติหรือมายด์เซ็ตเราที่บางทีมันอาจจะหลุดไป เขาก็เป็นห่วงแค่ตรงนั้น วันที่เจอกันเขาก็ยังพูดคำเดิมว่าก็เป็นห่วงลูกสาวแค่เรื่องว่ากลัวจะท้อ เขาก็เป็นกำลังใจเติมไฟให้เราค่ะ (ยิ้ม)”
เรื่องมายด์เซ็ตเราปรับได้ขนาดไหนแล้ว?
“โห..ก็จากที่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องอย่างนั้น ก็ค่อยๆปรับตัวไปเรื่อยๆค่ะ เหมือนตอนแรกเพลงเป็นคนที่อยากเป็นตัวเอง ก็ค่อยๆเปิดใจแล้วก็ปรับตัวมาเรื่อยๆ แล้วก็เจอบาลานซ์ของมัน ตอนแรกเพลงเครียดมากว่าบาลานซ์ของมันคืออะไร อันไหนดีไป อันไหนน้อยไป คือไปคิดเยอะแต่จริงๆแล้วมันแค่เป็นตัวเราที่มันพอดี เราได้ประสบการณ์ต่างๆสอนเรา โตขึ้นด้วย การเจอผู้คน การเจอผู้ใหญ่คำพูดบางคำอาจจะทำให้เราคิดได้ก็จะเป็นประมาณนั้นค่ะ”
นอกจากเล่นละครแล้วทำอะไรอยู่บ้าง?
“ตอนนี้นอกจากละครก็มีทำยูทูบค่ะ เป็นไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนเห็นอีกมุมหนึ่งของเพลงที่เป็นนางเอกร้องไห้ๆ ตัวจริงเป็นยังไง กินยังไง ไปเที่ยวยังไงแค่นั้น”
แล้วตัวจริงของ “เพลงขวัญ” เป็นยังไง?
“เพลงก็จะเป็นวัยรุ่นสมัยนี้มากๆ เป็นคนชิลล์ๆ ถ้าสมมติว่าวันธรรมดาก็เขียนแค่คิ้วแล้วก็ไปหาเพื่อน เป็นคนที่ติสท์แตกไหมคะ ไม่ค่อยคุยกับใคร คืออยากเจอเพื่อนนะแต่เพื่อนก็จะด่าอยู่เสมอว่าทำไมไม่ตอบไลน์อะไรแบบนี้ ก็จะเป็นแบบนั้น จะชอบไปตะเวนหาของกินเรื่องของกินนี่คือสุดเลย สมมติไปเที่ยวต่างจังหวัดก็จะลิสต์ว่าร้านไหนต้องไป ของหวานร้านไหน ก็จะเป็นคนง่ายๆสบายๆ ถ้าวันหยุดจริงๆก็คือประมาณนั้นเลยไม่มีอะไรหวือหวา แล้วก็ออกกำลังกายค่ะ”
คนจะได้เห็นเพลงในมุมร่าเริงมากขึ้นไหม เพราะคนก็จะมองว่าเรานิ่งๆด้วยลุคนางเอก?
“คือเพลงอาจจะเป็นคนแบบนั้น ดูเหมือนไม่อยากจะเป็นมิตรกับใคร (หัวเราะ) แต่เพลงอยากเป็นเพื่อนกับทุกคนนะคะ แต่เป็นคนที่เข้าหาคนไม่เป็น วันแรกที่เข้ามาที่ช่องวัน เจอ “ไบร์ท” (นรภัทร วิไลพันธุ์) ก็บอกว่าเพลงน่าหมั่นไส้มากใส่หูฟัง ตอนนั้นเพิ่งประกวดเดอะเฟซฯจบ แล้วคือที่ค่ายไบร์ทเป็นเจ้าถิ่นไง เขามาก่อน เพลงเพิ่งมาก็ไม่กล้าคุยก็นั่งฟังเพลงแล้วก็มองวิวข้างนอก ไบร์ทก็จะมาหมั่นไส้ว่าเราหยิ่งแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ คือถ้าอยู่ด้วยเราจะเต็มที่มากเฮฮาแล้วก็เอนเตอร์เทนเพื่อนจริงๆ แต่ด้วยความที่เราเข้าหาคนไม่เป็นไม่รู้จะเปิดเรื่องคุยยังไง ก็เลยเป็นคนแบบนั้นไป กับไบร์ทพอร่วมงานกันก็สนิทกันค่ะ ”
ปรับตัวยังไง?
“เราเจอผู้ใหญ่ก็สวัสดีทักทายปกติอยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูเชิงก่อนว่าพี่คนนี้เขาจะเป็นยังไง แต่เราก็เข้าไปสวัสดีแล้วก็ค่อยๆดูถ้าพี่เขาคุยเรื่องที่เราแจมได้เราก็ดูเชิงไม่ใช่ผลีผลามเข้าไป ไม่ใช่สไตล์เราที่จะแบบเข้าไปคุยจ๋าเลย ไม่ใช่คนแบบนั้นๆคือจะค่อยๆ แต่ถ้าสนิทก็จะหลุดไปเลย แต่เพลงไม่ใช่คนที่มีกำแพงอะไรนะ ชิลล์ๆ สนุกสนานค่ะ”
จากสายนางแบบพอต้องมาเป็นนางเอกจริงๆเป็นยังไง?
“ต่างเยอะเลยค่ะ นางแบบจะไม่ค่อยมีกรอบเท่าไหร่ ตอนนี้ก็คือเป็นนางเอกใส่ชุดว่ายน้ำได้ไหม อะไรแบบนี้ ใส่ลงได้ไหม ผู้จัดการฯจะว่าไหม เนี่ยชีวิตมันก็เปลี่ยนอาจจะต้องคิดให้มากขึ้น แต่ก็อยากเป็นตัวเองแหละค่ะ คือสุดท้ายแล้ว “พี่ป้อน” (นิพนธ์ ผิวเณร) ก็เคยพูดว่าเราก็ใช้ชีวิตของเราแต่แค่รู้ผิด รู้ถูก เท่านั้นเอง เป็นนางเอกใส่เอวลอยได้แค่ไม่ทำผิดศีลก็พอ พี่ป้อนบอกเราก็จัดไปเลยค่ะป๋า (หัวเราะ) แล้วก็ใส่เอวลอยตลอดเลย”
จริงๆดูเป็นคนมั่นๆ เปรี้ยวๆ ไม่เหมือนสายลุย?
“ตอนนี้ก็ดรอปลงนิดนึง คือเราไม่ได้มั่นหน้าแต่เราก็มั่นใจในตัวเอง นิ่งขึ้น โตขึ้น เมื่อก่อนใส่สายเดี่ยวไม่กลัวโป๊เลย แต่เดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นใส่เสื้อยืดแทนแล้ว ชุดว่ายน้ำก็มีถ้าไปทะเลค่ะ”
ละครเรื่องล่าสุดท้าทายเรา?
“ใช่ค่ะ ดีใจที่คนดูชอบใต้หล้านะคะ บทนี้เหมือนจะง่ายแต่ก็ยาก เพราะว่าที่เหมือนจะง่ายก็คือเป็นผู้หญิงยุคใหม่เหมือนเราเลยเป็นผู้หญิงโมเดิร์น อยู่กับแม่สองคนก็เหมือนเราเลย ตรงไปตรงมาก็เหมือนเราเลย แต่ก็จะมีความดราม่าอะไรบางอย่างมีความซับซ้อนอะไรสักอย่างที่มันทำให้มันต้องลงดีเทลแล้วก็ใส่ใจกับมัน ถ้าไม่ดีเทลมันมากพอเพลงกลัวว่าตอนไปเล่นหรือตอนที่คนดูเห็นมันจะไม่รู้สึกเหมือนที่คนเขียนบทอยากจะถ่ายทอด คือผู้กำกับเคยพูดว่าเป็นละครที่ธรรมดาไม่มีระเบิดกระท่อมแต่เราจะทำความธรรมดานั้นให้มันน่าสนใจยังไง เพลงก็เลยต้องเอาความจริงใจของตัวละครมาให้มันรู้สึกว่าเรียลและจริงที่สุดค่ะ”
ร่วมงานกับ “ต่อ ธนภพ” เป็นยังไงบ้าง?
“ดีค่ะ พี่ต่อเป็นคนเก่งอย่างที่ทุกคนบอกจริงๆด้วย เคยเห็นการแสดงของเขาค่ะแต่ไม่เคยได้ร่วมงานกันจริงๆจังๆสักทีจนมาเรื่องนี้ เวลานอกฉากเขาก็จะเป็นคนที่คุยง่าย คุยเก่ง ชวนคุย เหมือนเขามาทลายกำแพงเรา คือเราก็ไม่รู้จะเข้าหาพี่เขายังไง คือแรกๆนั่งอยู่เราก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี พี่เขาก็จะมาถาม ชวนคุยสัพเพเหระ เรารู้สึกว่าพาร์ทเนอร์เราน่ารักด้วยความที่เขาพยายามที่จะคุยเพื่อที่จะเวลาเล่นด้วยกันเราจะได้ไว้ใจเขา เขาจะได้ไว้ใจเรา เปิดใจ ก็เลยรู้สึกว่าโอเคและดีมากเลยค่ะ (ยิ้ม)”
มองตัวเองในวงการต่อจากนี้ยังไง?
“เป็นนักแสดงที่เก่ง เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับ อยากให้ทุกคนเห็นว่าเพลงขวัญเป็นนักแสดงคุณภาพ แล้วก็อยากมีงานเยอะๆ พร้อมที่จะเรียนรู้แล้วก็เปิดรับค่ะ”
แม่ปลื้มปริ่มขนาดไหนการมาทำงานในวงการของเรา?
“ไม่เคยพูดเลยค่ะ แต่เราก็สามารถมโนไปถึงจุดที่ว่าแม่ก็คงภูมิใจแหละ แม่เป็นคนที่เวลาพิมพ์อะไรมาจะชอบดราม่าว่า “ฉันภูมิใจในตัวเธอมากนะ จากวันแรกที่มาอยู่กรุงเทพฯต้องนั่งรถแท็กซี่ไปไหนมาไหน วันนี้เธอขับรถเองได้แล้ว” เขาก็คงดีใจที่เราดูแลตัวเองได้ จากภูเก็ตต้องมาอยู่คนเดียว คือนั่งรถเมล์ลงถูกป้ายคือดีใจแล้ว เพลงใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่อายุ 18 ค่ะ ช่วงขึ้นปี 1 ตอนนั้นขึ้นรถเมล์ก็ไม่รู้ด้วยว่าขึ้นไปแล้วต้องหาอะไรจับเลยแล้วเราก็ล้มๆ ก็สายลุย ไม่ได้เรียบร้อยเลย คนจะชอบเข้าใจว่าเพลงจะลุคหวาน แต่ไม่ใช่เลย ห้าวมาก”
แม่หวงไหม?
“คือคุณแม่น่าจะห่วง แต่ถ้าหวงไหมไม่หวงค่ะ แล้วเรื่องเพื่อน เขาน่าจะรู้แล้วว่าเราเป็นคนไม่ได้สุงสิงกับใครง่ายๆ เรื่องเพื่อนเขากลัวเราจะพาเพื่อนเสีย พาเพื่อนเกเร (หัวเราะ) ถ้าห่วงก็คงจะเป็นเรื่องทำงานว่าจะมีสติไหม จะคอยบอกว่าลูกต้องใจเย็นๆนะ แต่เวลาเราเหนื่อยก็งอแงกับแม่สุดฤทธิ์เหมือนกัน แต่แม่เพลงจะวัยรุ่นสรรพนามที่แทนคือเธอกับฉันเลยค่ะ จะเป็นเพื่อนซี้กัน (ยิ้ม)”
โสดไหมตอนนี้?
“ก็มีคนคุยค่ะ สวยขนาดนี้จะโสดได้ไง (หัวเราะ) เป็นคนนอกวงการค่ะ ก็แฮปปี้ค่ะ แม่บอกว่าห้ามเรียกกันว่า ‘แฟน’ ให้เรียกว่า ‘เพื่อน’ ตอนเด็กๆแม่เคยเช็คเฟซบุ๊ก แล้วก็แบบ ‘ที่รัก’ แม่ก็จะที่รักอะไรห้ามเรียกที่รักให้เรียกว่าเพื่อน แต่มีอะไรเพลงจะบอกแม่หมดนะ”
คนที่คุยอยู่ตอนนี้คุณแม่ก็รับรู้ค่ะ แต่ถามว่าแม่ไฟเขียวไหม อันนี้ไม่รู้เลย (หัวเราะ) เพราะว่าแม่จะเป็นคนทำขรึมๆ แต่จะคุยอะไรกับใครแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็จะคอยบอกว่าต้องมีสตินะลูก เราเป็นผู้หญิง”
ช่วงโสดคนจีบเยอะไหม?
“ไม่เยอะนะ เพราะเพลงเป็นคนที่ถ้าเดินเข้ามาจีบคือไม่แล้วนะ ไม่เอาแล้วนะ ต้องมาเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนของเพื่อนแบบรู้จักกันอยู่แล้วอะไรแบบนี้ แต่ไม่ชอบคนที่อยู่ๆก็เดินเข้ามาจีบ เรากลัว เราไม่ชอบ”
“เก้า สุภัสสรา” โสดไร้คนคุย รับเลือกเยอะขึ้น แย้มสเปกหนุ่ม
โควิดวันนี้ (17มิ.ย.65) ยอดติดเชื้อลดลง เสียชีวิตยังหลักสิบ
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline