ภาพล่าสุดที่ ม้า - อรนภา กฤษฎี ได้โพสต์ในไอจีส่วนตัว เป็นภาพที่กำลังนั่งในร้านแห่งหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า "Dinner ร้านเดิมที่ Queen park ถนน Apgujeong ที่เคยมาจัดวันเกิดเมื่อหลายปีก่อน"
ซึ่งข้อความนี้ถูกโพสต์ในเวลาใกล้เคียงกับที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือ ทนายตั้ม ออกมาเปิดคลิปเหตุการณ์ที่ “ม้า อรนภา” ตบหน้าพระเอกช่องน้อยสี โดยเหตุเกิดในร้านรองเท้าแห่งหนึ่ง ระหว่างทั้งสองคนยืนเหมือนเถียงอะไรกันอยู่
“ไข่ไก่” ราคาลดลงเหลือแผงละ 6 บาท คาดทรงตัวถึงปีใหม่
ไขความลับของชีส หลังกระแส “ชีสบอร์ด” มาแรงติดเทรนด์โซเชียล
ซึ่งวานนี้ ทนายตั้ม ได้แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คลิปที่ปรากฎ เป็นคลิปขณะที่มีการพูดคุย และชวนกันไปกินปู แต่ฝั่งดาราชายได้บอกว่าเดินมา 3 ชั่วโมงแล้วเหนื่อย ขอไม่ไปด้วย จึงเกิดอาการโมโหเลยตบ ซึ่งคลิปนี้ทางตำรวจเกาหลีส่งมา หลังเกิดเหตุได้เดินออกไปด้านนอก และมีการพูดด่าเสียงดัง หลังเกิดเหตุก็เดินทางไปกินปูด้วยกัน เพราะไม่อยากมีปัญหา จนสุดท้ายมีการทำศัลยกรรมเสร็จ
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายนั้น ยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาว เพราะค่าใช้จ่ายทั้งตั๋วเครื่องบินที่พักและเรื่องการกินออกเองทั้งหมด แต่ในรายละเอียดลึก ๆ ต้องรอทางดาราชายกลับมาชี้แจง ซึ่งจะเดินทางกลับมาในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ หลังจากทำศัลยกรรมเสร็จ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ “ม้า อรนภา” ก็โพสต์ข้อความภาษาอังกฤษ “Be careful who you trust. Salt and Sugar look The same.” ซึ่งมีความหมายว่า “ระวังไว้คนที่คุณไว้ใจ เกลือกับน้ำตาลก็หน้าตาเหมือนกัน” พร้อมกับเขียนแคปชั่นแบบสั้นๆ อีกว่า “ระวัง” และเจ้าตัวยังได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะอยู่เกาหลีถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และบอกว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยและปรับความเข้าใจไปจนจบแล้ว
ซึ่งประเด็นนี้ ทนายตั้ม ยืนยันว่า ไม่จริงเพราะพ่อแม่และพระเอกหนุ่มยืนยันว่าจะเอาเรื่องถึงที่สุด ทนายตั้ม บอกอีกว่า ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ พระเอกหนุ่มจะไปติดตามความคืบหน้าทางคดี และยืนยันว่าที่มาขอปรึกษามาให้ข่าว ไม่ใช่เพราะอยากดัง เพราะไม่ได้อยากให้เปิดเผยชื่อหรืออะไรเลย
ล่าสุด พระเอกหนุ่มได้เปิดใจในคลับเฮ้าท์ ในเรื่องนี้ โดยบอกว่า “รู้สึกเครียดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งข่าวที่ออกไปมีทั้งจริงและไม่จริง แต่ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน”
เจ้าตัว ยังเล่าเหตุการณ์บางส่วนมีเนื้อหาว่า วันแรกที่ถ่ายรูปด้วยกัน ก็ทำด้วยความเต็มใจ แต่หลังจากที่โดนตบหน้า
ก็ไม่ไปกินข้าวด้วยอีกเลย ซึ่งเจ้าตัวก็น่าจะรู้ว่าตนเองไม่พอใจมาก
พร้อมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าคู่กรณีจะเป็นคนไม่ดีไปทั้งหมด ส่วนดีก็มี และไม่อยากให้สังคมไปบูลลี่คู่กรณี ไม่อยากให้ไปเรียกว่า "ลุง" ในขณะที่สังคมเรียกร้องเรื่องสมรสเท่าเทียม
ศูนย์จีโนมฯ เผยผลวิจัย "ภูมิคุ้มกันลูกผสม"ประสิทธิภาพป้องกันโควิดดีกว่าเดิม
เช็กอาการติดพนันฟุตบอล ความเจ็บป่วยทางจิตเวชที่ต้องได้รับการรักษา