“แจ็ก หม่า” ล้มสัญญาสร้างงานให้สหรัฐฯ โบ้ยสงครามการค้า
“แจ๊ค หม่า” เผยอำลา “อาลีบาบา” 10 ก.ย. นี้
แจ็ก หม่า" มหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ซึ่งเป็นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนหายตัวไปอย่างปริศนา และไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นเวลามากกว่า 2 เดือน หลังขึ้นเวทีวิพากษ์วิจารณ์ระบบธนาคารของจีนอย่างร้อนแรงที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมปีที่แล้ว
"แจ็ก หม่า" ได้วิจารณ์เงื่อนไขการกำกับดูแลด้านการธนาคารว่าเปรียบเสมือน "สมาคมคนชรา" พร้อมเรียกธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายว่าไม่ได้ทำอะไรมากมาย และไม่ต่างอะไรกับ "โรงจำนำ"
นอกจากนี้ "แจ็ก หม่า" ยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบบระเบียบของจีนที่เป็นปัญหาด้านนวัตกรรมทางธุรกิจต่อหน้าผู้คนที่เข้าร่วมงานจำนวนมาก จนสร้างความโกรธเคืองให้กับรัฐบาล เนื่องจากพวกเขามองว่าคำพูดของ "แจ็ก หม่า" เป็นการโจมตีผู้มีอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ จนนำไปสู่การสอบสวนการผูกขาดทางธุรกิจ และสั่งลดขนาดการดำเนินงานของบริษัท พร้อมทั้งระงับกิจกรรมทางธุรกิจของเขา
Wall Street Journal รายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้สั่งระงับการเปิดเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO มูลค่า 34,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ Ant Group บริษัทในเครือของอาลีบาบา ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่คาดว่าจะสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท และเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นับตั้งแต่ "แจ็ก หม่า" วิจารณ์ระบบธนาคารของจีนก็ไม่ได้ปรากฎตัวบนหน้าจอ Africa’s Business Heroes ซึ่งเป็นรายการแข่งขันผู้ประกอบการธุรกิจของแอฟริกาที่เขาเป็นผู้สนับสนุนอีกเลย ส่วนรูปภาพของ "แจ็ก หม่า" ถูกนำออกจากหน้าเว็บคณะกรรมการตัดสินของรายการ
โฆษกของอาลีบาบา เผยกับ Financial Times ว่า "แจ็ก หม่า" ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการตัดสินของรายการอีกต่อไป เนื่องจากมีปัญหาตารางเวลาที่ไม่ลงตัว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้ลงดาบนักวิจารณ์อย่างน้อยสองคน คือ "นายเหริน จือเชียง" (Ren Zhiqiang) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเขาหายตัวไป หลังวิจารณ์การจัดการวิกฤตโควิด-19 ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อมเรียกผู้นำจีนว่าเป็น "ตัวตลก"
ส่วนอีกคนคือ "นายเชียว เจียนหัว" (Xian Jianhua) มหาเศรษฐีด้านการเงิน ซึ่งถูกลักพาตัวจากโรงแรมในฮ่องกง และนำตัวไปจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2017