กลุ่มสร้างไทย แนะ จับตาแก้รัฐธรรมนูญ ล้มให้มีส.ส.ร. แก้รายมาตราแทน
เมียนมา เรียกนักการทูตนับร้อยคนกลับประเทศ สกัดแตกแถวหนุน “ซูจี”
กองทัพเมียนมาขอให้ตำรวจและทหารอย่าใช้กระสุนจริงกับผู้ประท้วง ขณะที่เผชิญเสียงประณามจากนานาชาติมากขึ้นเกี่ยวกับการปราบปรามรุนแรงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ของกองทัพวานนี้ หลังเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) กองกำลังตำรวจและทหารได้ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร จนเป็นวันที่มีการนองเลือดมากที่สุดนับตั้งแต่การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 18 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 30 คน
กองทัพเมียนมาระบุด้วยว่า ทางการได้จับกุมผู้ประท้วงแล้วกว่า 1,300 คน ในการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้การใช้ความรุนแรงมากขึ้น โดยล่าสุด รัฐบาลอิตาลีและเยอรมนีได้เรียกทูตเมียนมาในประเทศของตัวเองเข้าพบ เพื่อแสดงการประณาม
นายสเตฟเฟน ไซเบิร์ท โฆษกของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ระบุว่า การใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมอย่างสันติจนมีการเสียชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่
ขณะที่รัฐบาลอิตาลีระบุว่าได้ขอให้กองทัพเมียนมายุติการปราบปรามรุนแรงกับการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ รวมถึงย้ำว่าการตัดสินใจของกองทัพเมียนมาที่ให้การเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย.เป็นโมฆะ ไม่มีความชอบธรรม
ด้านคณะทำงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่มีชื่อว่า กลไกสืบสวนอิสระในเมียนมา หรือ ไอไอเอ็มเอ็ม ระบุว่า การกระทำเหล่านี้อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง และเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ โดยคณะทำงานจะรวบรวมและวิเคราะห์หลักฐานของการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ การสังหาร และการหายตัวของบุคคล และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินคดีอาญา
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศจากชาติสมาชิกอาเซียนได้เริ่มหารือผ่านระบบทางไกลถึงสถานการณ์ในเมียนมา เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการหารือร่วมกันครั้งแรก
แม้จะยังไม่มีผลการหารือออกมา แต่นักการทูตท่านหนึ่งได้เปิดเผยกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า รัฐมนตรีอาเซียนน่าจะขอให้กองทัพเมียนมายุติความรุนแรงและการโจมตีประชาชน รวมถึงขอให้กองทัพเจรจากับพรรคการเมืองทั้งหมด รวมถึงพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซาน ซูจี
แต่ผู้สังเกตการณ์ต่างยังกังขาว่าอาเซียนจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่ เนื่องจากมีนโยบายไม่ก้าวก่ายกัน และการตัดสินใจใดๆ ต้องเป็นไปตามมติเอกฉันท์
นายโอ เอ ซุน นักวิเคราะห์จากสถาบันกิจการระหว่างประเทศแห่งสิงคโปร์ ระบุว่า การหารือวันนี้ไม่น่ามีอะไรออกมามากกว่า “คำพูดที่แข็งกร้าว” ขณะที่รัฐบาลของชาติสมาชิกอย่าง ไทย กัมพูชา และลาว ต่างก็เป็นห่วงถึงความอยู่รอดของตัวเอง ซึ่งเขาไม่คิดว่ารัฐบาลประเทศเหล่านั้นจะสนับสนุนการแทรกแซง เพราะไม่อยากให้เกิดสิ่งเดียวกันกับตัวเอง