มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ในอินเดีย พบ "เชื้อราดำ" ร้ายแรง กว่า 8,800 ราย ซึ่งเชื้อราดำที่พบ เรียกว่า รามิวคอร์ไมโคซิส (Mucormycosis) เป็นเชื้อราที่พบได้ยาก ทำให้เกิดโรคอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น สมอง ปอด ลำไส้ ดวงตาและผิวหนัง โรคนี้มีอาการรุนแรงและลุกลามได้รวดเร็ว จึงมักจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นส่วนมาก (ในอินเดียอัตราการเสียชีวิต 50%) ขณะที่บางส่วนสามารถรักษาได้
อินเดียเคราะห์ซ้ำ ผู้ป่วยโควิด-19 หลายร้อยราย "ติดเชื้อรากินสมอง"
ผู้เชี่ยวชาญ เผย โควิดสายพันธุ์อินเดีย แพร่เร็วกว่า 2-3 เท่า
“ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาอินเดียพบผู้ป่วยหลายพันรายที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโควิด -19 ที่กำลังฟื้นตัว”
โดยก่อนหน้านี้ นพ. อักษัย นาอีร์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตา ของอินเดีย ผ่าตัดหญิงวัย 25 ปี ที่เพิ่งจะหายป่วยจากโควิด-19 และมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน เขาต้องสอดท่อเข้าไปในจมูกคนไข้ แล้วกำจัดเนื้อเยื่อติดเชื้อมิวคอร์ไมโคซิส (mucormycosis) หลังพบว่ามันติดเชื้อร้ายแรง ในบางครั้งมีผลต่อจมูก ดวงตา และสมอง
อย่างกรณีหญิงอนเดียรายนี้ นพ. อักษัย ตัดสินใจผ่าตัดเอาดวงตาออกมาเพื่อรักษาชีวิตของเธอ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงในการผ่าตัด
อีกด้านหนึ่ง นพ. อักษัย ระบุว่า เชื้อราดำมีความเชื่อมโยงกับสเตียรอยด์ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดอาการหนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงมากกว่า จากการศึกษาผู้ป่วยเชื้อราดำ 45 รายในโรงพยาบาลเมืองมุมไบ 2 แห่ง พบว่า ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก
ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายจากโรคโควิด -19 และเป็นเพศชาย ได้รับการรักษาด้วยสเตียรอยด์และทุกคนมีโรคประจำตัวส่วนใหญ่เป็นโรคเบาหวาน
29 รัฐของอินเดียประกาศให้ เชื้อราดำเป็นโรคระบาด
เชื้อราดำที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่พบในรัฐทางตะวันตกของรัฐคุชราตและรัฐมหาราษฏระ ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยที่มีเชื้อราดำมากกว่าครึ่ง ขณะที่บางรัฐพบถึง 900 ราย ทำให้ 29 รัฐของอินเดียประกาศให้ เชื้อราดำ นี้เป็นโรคระบาด
ที่โรงพยาบาล Maharaja Yeshwantrao มีผู้ป่วย 1,100 เตียง พบผู้ป่วยที่มีเชื้อราดำเพิ่มขึ้นเป็น 185 คน และมากกว่า 80% ต้องการการผ่าตัดทันที ดร.แพนดีย์ หัวหน้าแผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลกล่าว
โรงพยาบาลได้จัดตั้งหอผู้ป่วย 11 แห่งรวม 200 เตียงเพื่อรักษาผู้ป่วยเชื้อราดำ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เพราะหากย้อนกลับไปแพทย์อินเดียเคยพบผู้ป่วยที่มีเชื้อราดำเพียง 1-2 รายเท่านั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
" ปัจจุบันการติดเชื้อราดำกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายมากกว่าโควิด -19 หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสมอัตราการเสียชีวิตอาจสูงถึง 94% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษามีราคาแพง ” ดร. แพนดีย์ กล่าว
สำหรับการรักษา "เชื้อราดำ" ในอินเดีย
แพทย์ กล่าวว่า กลุ่มยา amphotericin B หรือ "ampho-B" ซึ่งต้องฉีดเพื่อต้านเชื้อราเข้าหลอดเลือดดำ ราคาเข็มละ 3,500 รูปี (ราว 1,500 บาท) และต้องทำทุกวันต่อเนื่องกันถึง 8 สัปดาห์ ถือเป็นยาชนิดเดียวที่สามารถรักษาโรคนี้ได้
สำหรับ รามิวคอร์ไมโคซิส คือการติดเชื้อที่พบยากมาก เพราะอย่างที่กล่าวไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในอินเดียพบเพียง 1-2 รายเท่านั้น เกิดจากการสัมผัสกับเชื้อราที่พบได้ทั่วไปใน ดิน พืช ปุ๋ยคอก และผักผลไม้ที่เน่าเปื่อย ตลอดจนในจมูกและน้ำมูกของคนที่มีสุขภาพดี ตามคำบอกของ นพ. อักษัย นาอีร์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตา ของอินเดีย
แต่จะมีผลต่อไซนัส สมอง และ ปอด และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรงเช่นผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี / เอดส์