จีนให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินอัฟกานิสถาน 1,000 ล้านบาท
ภาพของผู้อพยพล่าสุดเมื่อวานนี้ โดยมีทั้งชาวอัฟกันและชาวต่างชาติ ได้แก่ชาวอเมริกัน แคนาดา ยูเครน และเยอรมัน ทั้งหมดเดินทางมาขึ้นเครื่องบินของสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ ที่สนามบินฮามิด คาไซโดยรายงานระบุว่า ผู้โดยสารจากไฟล์ทแรกที่เดินทางออกจากอัฟกานิสถาน หลังเลยเส้นตายการถอนทหารเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม มีทั้งหมดราว 113 ราย ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางถึงกรุงโดฮาร์
ประเทศกาตาร์ ที่ขณะนี้เมืองหลวงดังกล่าวได้กลายมาเป็นจุดพักคอยของผู้อพยพชาวอัฟกันจำนวนมาก ก่อนจะเดินทางไปยังประเทศที่ 3 ต่อในอนาคต ชาวอัฟกันที่มีเอกสารและหนังสือเดินทางถูกต้องเล่าให้ฟังว่า พวกเขาใช้เวลาและความพยายามอยู่นานกว่าจะสามารถพาตัวเองออกมาจากอัฟกานิสถานได้
หลังภารกิจอพยพล่าสุดเกิดขึ้นอย่างราบรื่น ต่อมาทางทำเนียบขาวออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับชาวอเมริกันตกค้างที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับบ้าน รวมถึงระบุว่า ทางกลุ่มตาลีบันให้ความร่วมมืออย่างดีในการอพยพคนออกครั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นการอพยพที่เลยจากกำหนดเวลาตามข้อตกลงมาแล้วก็ตาม ชาวต่างชาติออกจากอัฟกานิสถานไปได้อย่างปลอดภัย แต่สำหรับชะตากรรมของคนในประเทศยังต้องจับตา เพราะล่าสุดมีรายงานความรุนแรงจากกลุ่มตาลีบันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ตาลีบันจับผู้ประท้วง กดดันผู้หญิง ทำร้ายผู้สื่อข่าว
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ในกรงคาบูล และหลายเมืองของอัฟกานิสถานปรากฏภาพของผู้ประท้วงทั้งชายและหญิง ความไม่พอใจมีหลายประเด็นตั้งแต่ สิทธิผู้หญิงที่ตาลีบันกำหนดกฎใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ โดยล่าสุดคือห้ามผู้หญิงเล่นกีฬา รวมถึงผู้ประท้วงยังไม่พอใจปากีสถาน เพราะมองว่าอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนรัฐบาลตาลีบันอย่างลับ ๆ
แต่เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อตาลีบันยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อควบคุมฝูงชน และมีรายงานผู้ประท้วงหลายสิบรายถูกจับกุม ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังถูกจับตามองจากทั่วโลกว่าตาลีบันจะรับมือกับเสียงต่อต้านอย่างไร ในช่วงเวลาที่รัฐบาลชุดใหม่ที่พวกเขาจัดตั้ง เพิ่งจะเป็นรูปเป็นร่าง และโดยเฉพาะว่า ผู้ประท้วงจำนวนมากเป็นผู้หญิง
เมื่อวานนี้มีภาพเผยออกมาแสดงให้เห็นว่า สมาชิกตาลีบันจ่อปลายกระบอกปืนไปยังผู้ประท้วงที่เป็นผู้หญิง รวมถึงตามมาด้วยการออกกฎว่า การประท้วงใด ๆ ก็ตามต้องขออนุญาตก่อน รวมถึงตาลีบันจะตรวจเช็คเนื้อหาในป้ายที่นำมาประท้วงด้วย
ความพยายามควบคุมและจำกัดสิทธิเสียงของประชาชนนำมาซึ่งความกังวล โดยเฉพาะต่อประเด็นสิทธิผู้หญิง เพราะขณะนี้มีหลักฐานมากมายที่สะท้อนออกมาว่า ตาลีบันอาจไม่ได้เปิดกว้างให้กับผู้หญิงตามที่ให้คำมั่นไว้ ตั้งแต่ภาพสมาชิกตาลีบันเอาปืนจ่อผู้หญิง ไปจนถึงกฎระเบียบใหม่ๆ และสำคัญที่สุดคือการที่สมาชิกในคณะรัฐบาลใหม่ไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว
ในการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ มีเสียงจากผู้หญิงคนสำคัญ ได้แก่ มาลาลา ยูซาฟไซ อดีตเหยื่อที่ถูกตาลีบันลอบสังหาร
รวมถึงเสียงจากนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้หญิงที่มองว่า อัฟกานิสถานยุคใหม่เพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่นาน แต่ทุกวันนี้เรามีผู้หญิงจำนวนมากที่มีบทบาทสำคัญ และช่วยขับเคลื่อนสังคม ฉะนั้นรัฐบาลไม่ควรทำลายความก้าวหน้านี้
และไม่เพียงแค่ผู้หญิงที่หลายฝ่ายกังวลว่า จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการกดขี่ของตาลีบัน แต่ยังรวมถึงสื่อมวลชนด้วย เพราะล่าสุดมีภาพใหม่เผยให้เห็นว่า บรรดานักข่าวที่ลงพื้นที่รายงานข่าวการประท้วงถูกตาลีบันจับตัวไปคุมขัง ทำร้ายร่างกาย
นี่คือหลักฐานจากการถูกทำร้าย นักข่าวสองรายนี้โชว์รอยแผลฟกช้ำให้กับช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์ดู ทั้งคู่มาจากสำนักข่าว อติ-ลาต-รอซ ถูกจับกุมระหว่างรายงานข่าวประท้วงในกรุงคาบูล จากนั้นตาลีบันก็พาพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ ก่อนจะกระทืบและใช้แส้ฟาดไม่ยั้งจนเขาสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าตนเองถูกคุมขังอยู่หลายชั่วโมงก่อนจะได้รับการปล่อยตัว โดยนับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา มีผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวนี้ถูกตาลีบันจับกุมไปแล้ว 5 ราย
ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานว่า ช่างภาพของสำนักข่าว Tolo News ถูกตาลีบันยึดกล้องไปนานถึง 3 ชั่วโมง เพื่อตรวจฟุตเทจ
ด้านรายงานจากองค์กร Committee to Protect Journalists หรือ CPJ คาดว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงขึ้น มีผู้สื่อข่าวถูกตาลีบันจับกุมแล้วมากถึง 14 คน ในจำนวนนี้บางคนถูกคุมขังนานถึง 2 วัน กว่าจะได้รับการปล่อยตัว
องค์กรนานาชาติวอนส่งความช่วยหลือให้อัฟกานิสถาน
ด้านรายงานจากสหประชาชาติ และเสียงกังวลจากคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ที่เห็นตรงกันว่าขณะนี้อัฟกานิสถานกำลังต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP เผยรายงานใหม่ที่คาดการณ์ว่า ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศในเวลานี้ จะส่งผลให้ราวร้อยละ 97 ของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน มีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง โดยอาจหล่นลงไปอยู่ภายใต้เส้นความยากจนภายในครึ่งปีหน้า และขณะนี้กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วประเทศที่มีราว 38 ล้านคน กำลังต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน
ด้าน ปีเตอร์ เมาเรอร์ ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศก็ออกมาระบุว่า ทางองค์กรขอเรียกร้องให้นานาชาติส่งความช่วยเหลือให้อัฟกานิสถาน เพราะตลอดช่วง 4 วันที่ผ่านมาของการลงพื้นที่ เขาได้เห็นภาพของผู้คนมากมายที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการต่อสู้