จีนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่หยุด รัฐยันต้องกดยอดเป็นศูนย์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ที่ผ่านมาจีนรายงานว่าตัวเองเป็นประเทศที่ควบคุมยอดผู้ติดเชื้อให้เหลือเพียงหลักสิบได้ยาวนานหลายเดือน แต่ขณะนี้จีนกำลังเจอกับความท้าทายใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากกรอบเวลานับถอยหลังที่เข้าใกล้การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวเข้าไปเรื่อยๆ

ตัวเลขล่าสุดจากจีน เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพบผู้ป่วยใหม่ 103 ราย นับว่าสูงที่สุดในรอบ 3 เดือน  ในจำนวนนี้มี 38 ราย พบในกรุงปักกิ่งเพียงที่เดียว สูงที่สุดของกรุงปักกิ่งนับตั้งแต่การระบาดระลอกก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์

ผู้ติดเชื้อใหม่ยังกระจายอยู่ในหลายมณฑล เช่น มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือ มณฑลชิงไห่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และมณฑลเสฉวนกับยูนนานทางตอนใต้

 

 

เมียนมา คาดพบยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทะลุ 16,000 รายสิ้นเดือนนี้

จีนพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มมากสุดในรอบกว่า 5 เดือน ส่วนใหญ่ติดเชื้อในประเทศ

กระทรวงสาธารณสุขของจีนยังยืนยันว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ดังนั้นตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมยังคงเป็น 4,636 รายเท่าเดิม และตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อปลายปี 2019 จีนรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 97,527 คน

จีนมีประชากรราว 1,400 ล้านคน ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ทางการจีนรายงานนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีประชากรหนาแน่น อย่างเช่น สหรัฐและอินเดีย การระบาดระลอกใหม่ในจีน เป็นผลจากเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยพบว่ามีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ชนิดนี้ใน 19 มณฑล จาก 31 มณฑลในจีน

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะมีไม่มากแต่ ทางการจีนยังยืนยันว่าพวกเขาจะใช้นโยบายกดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้เหลือศูนย์ บังคับใช้มาตรการป้องกันต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาประกาศเมื่อวันอังคาร ให้ประชาชนเตรียมรับมือการล็อกดาวน์เร็วๆ นี้ โดยได้ขอให้ทุกคนกักตุนอาหารและของใช้จำเป็น ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาวในเดือนหน้า ส่งผลให้ขณะนี้พื้นที่ทั่วประเทศจีนกำลังเร่งควบคุมการแพร่ระบาด เช่น ที่เมืองฉงชิ่งซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ ทางการรีบตรวจโควิด-19 ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากพบว่ามีประชาชน 1 คนในเมืองติดเชื้อไวรัส

จง หนานชาง ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจและผู้ค้นพบเชื้อไวรัสซาร์ส ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CGTN ว่า ที่ทางการจีนต้องยึดนโยบายกดตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่านโยบายอยู่ร่วมกับไวรัส

ประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรการเคร่งครัดมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทางการมุ่งป้องกันไม่ให้เกิดตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตโดยเด็ดขาด เมื่อวันอังคาร สื่อของรัฐบาลจีนอย่าง People’s Daily ได้พิมพ์ข่าวหน้าหนึ่ง กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ว่าประเทศจีนสามารถเอาชนะวิกฤตโรคระบาด ซึ่งเป็นผลจากการนำของสีจิ้นผิง

สื่อรัฐบาลยังเปรียบเทียบตัวเลขผู้เสียชีวิตของจีนกับสหรัฐ อ้างอิงจากสถิติของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ว่าสหรัฐมีผู้เสียชีวิต 747,033 คน ในขณะที่จีนมีผู้เสียชีวิตเพียง 4,849 คน

แม้ว่าสหรัฐจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้จำนวนมาก โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกร้อยละ 67.4 และมีผู้ได้รับเข็มสองร้อยละ 58.1 แต่ยังมีประชากรอีกกลุ่มที่ยังไม่อนุญาตได้รับวัคซีน นั่นก็คือเด็กอายุระหว่าง 5 ถึง 11 ปี

แต่ล่าสุด เมื่อวันอังคาร รัฐบาลสหรัฐอนุญาตให้ใช้วัคซีนของบริษัท ไฟเซอร์ไบโอเทค ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผลิตวิจัยสำหรับเด็กโดยเฉพาะ และจะเร่งแจกจ่ายวัคซีนให้เด็กทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยจุดการฉีดจะตั้งกระจายอย่างทั่วถึงในทุกเมืองและเป็นสถานที่ที่ให้ความสะดวกต่อคนที่จะเข้ารับการฉีด ไม่ว่าจะเป็นศูนย์สุขภาพในชุมนุม สนามกีฬา โรงเรียน รวมถึงสวนสัตว์ รวมแล้วกว่า 20,000 จุดทั่วประเทศ

ข้อแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ หรือ CDC ที่ให้ฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี เกิดขึ้นหลังจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA อนุมัติวัคซีนต้านไวรัสโควิดของ Pfizer BioNTech เป็นชนิดแรกสำหรับเด็กกลุ่มอายุนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปริมาณวัคซีนต่อโดสที่มีการแนะนำให้ใช้กับเด็กกลุ่มนี้คือ 10 ไมโครกรัม หรือประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ให้ในผู้ใหญ่ สหรัฐมีประชากรเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบทั้งหมด 28 ล้านคน การอนุญาตใช้วัคซีนสำหรับเด็กจึงเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับไวรัสของสหรัฐ

ผู้นำสหรัฐ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกมาระบุว่า หลังจากต้องเป็นกังวลมานานกว่า 18 เดือน ผู้ปกครองของเด็กจะได้สบายใจขึ้นบ้างเมื่อรู้ว่าลูกหลานจะปลอดภัยขึ้น กลุ่มประชากรอายุ 5-11 ปี ถือเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยคนกลุ่มอายุนี้มีประมาณ 28 ล้านคน และการฉีดวัคซีนจะทำให้เด็กกลุ่มนี้สามารถกลับไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท Pfizer-BioNtech แถลงว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดได้ถึงร้อยละ 90.7 ในการทดสอบทางคลินิก

กลุ่มคนอีกกลุ่มที่เป็นเป้าหมายในการฉีดวัคซีนกลุ่มต่อไปคือเด็กอายุ 2-4 ปี โดยเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วไฟเซอร์ระบุว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบข้อมูลทางคลินกกับเด็กกลุ่มนี้และจะมีการเปิดเผยผลการทดสอบในปลายปีนี้

นอกเหนือจากสหรัฐ ประเทศที่มีการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว คือ จีน คิวบา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ล่าสุดเมื่อวานนี้ รัสเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39,375 คน และมีผู้เสียชีวิต 1,157 คน นับว่าสูงที่สุดตั้งแต่เดือนกันยายน ประธานาธิบดีปูติน สั่งใช้มาตรล็อกดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่ 30 ตุลาคม จนถึง 7 พฤศจิกายน และขณะนี้ในกรุงมอสโก มีคำสั่งปิดร้านอาหาร โรงเรียน และร้านค้าต่างๆ และบังคับให้ทุกคนสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน

แม้ว่าตอนนี้รัสเซียจะมียอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในยุโรป นั่นก็คือ 238,000 คน แต่กลับพบว่าประชากรในประเทศยังนิ่งนอนใจกับการระบาดรอบใหม่ โดยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพียงร้อยละ 39 และมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มสองร้อยละ 33.1 ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรองลงมาอย่างสหราชอาณาจักร ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกร้อยละ 74.4 และวัคซีนเข็มสองร้อยละ 68

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการรับมือโควิด-19 ระลอกนี้จะดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะประชาชนลังเลไม่กล้าฉีดวัคซีน ประกอบกับการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดของรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลรัสเซียยังคงผ่อนผันไม่ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่ารัสเซียอาจต้องให้กองทัพร่วมมือสร้างโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อใหม่ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ