ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) รายงานเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมาว่า พบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนรายใหม่ เกือบครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นสายพันธุ์ย่อย หรือ BA.2 โดยคาดว่าจะค่อยๆมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิม (BA.1) แต่ยังไม่มีรายงานว่า BA.2 มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
โควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 หนีวัคซีนได้น้อยกว่า BA.1 เล็กน้อย
นักวิทย์พบโควิด-19 “โอมิครอน BA.2” ลูกพี่ลูกน้องของโอมิครอนเดิม
ตามรายงานของ Statens Serum Institut ระบุ จากการเฝ้าติดตามการระบาดในเดนมาร์ก พบว่า สายพันธุ์ BA.2 ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิม (BA.1) 1.5 เท่า
ขณะที่ สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า สายพันธุ์ BA.2 จะไม่ลดประสิทธิภาพของวัคซีน
จับตา “โอมิครอน BA.2” หวั่นเป็นสายพันธุ์ใหม่แทนที่โอมิครอนตัวปัจจุบัน
สำหรับโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 มีความแตกต่างมากมายในการกลายพันธุ์ในส่วนที่สำคัญของไวรัส ซึ่งแตกต่างจากการกลายพันธุ์จาก สายพันธุ์ดั้งเดิม ไปอัลฟา ก่อนเกิดการระบาดไปทั่วโลก แต่โอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 มีการกลายพันธุ์ที่ไม่ซ้ำกันถึง 5 ครั้งในส่วนสำคัญของสไปค์ โปรตีนเพื่อยึดติดกับเซลล์ของมนุษย์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการแพร่ระบากที่เร็วกว่า
สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร ระบุว่า สายพันธุ์ BA.2 มีความได้เปรียบในการเติบโตที่ "สำคัญ" เหนือโอไมครอนดั้งเดิม (BA.1) แต่จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า BA.2 ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของวัคซีนลงมากไปกว่าโอมิครอนดั้งเดิม
องค์การอนามัยโลก เตือน โควิด-19 รุ่นต่อไปจะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า หลายประเทศต่างให้ความสนใจเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล แต่ยังคงเตือนอยู่เสมอว่าสายพันธุ์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อโอมิครอนแพร่กระจายไปทั่วโลกในอัตราที่ไม่เคยมีมา โดยมาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า เชื้อโควิด-19 รุ่นต่อไป จะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่า
บริษัทวัคซีนเริ่มทดลองวัคซีนเพื่อสู้โอมิครอน
มีรายงานว่า บริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา เริ่มการทดลองทางคลินิกในสัปดาห์นี้โดยฉีดวัคซีนเฉพาะผู้ป่วยสายพันธุ์โอมิครอน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าสายพันธุ์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนรุ่นแรกลดลง
เรียบเรียงจาก CNBC