ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง พอดแคสต์ “โจ โรแกน” วิกฤตของ Spotify?


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ดราม่านี้จะสิ้นสุดที่ตรงไหน หลังรายการของ “โจ โรแกน” นักพอดแคสต์ชื่อดังบน Spotify ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 แต่กลับไร้บทลงโทษ

“Spotify” คือบริการสตรีมเพลงดิจิทัล พอดแคสต์ และวิดีโอ ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้บริการจากทั่วโลกเข้าถึงเพลงและเนื้อหาต่าง ๆ ได้ สำหรับในไทยเราอาจคุ้นชินกับการใช้ Spotify ในการฟังเพลง หรือการแชร์เพลย์ลิสต์ให้กันและกัน แต่บริการของ Spotify ที่เป็นที่นิยมสูงมากในต่างประเทศคือ “พอดแคสต์”

โดย Spotify รายงานการเติบโตของยอดผู้ฟังพอดแคสต์ โดยมีผู้ฟังพอดแคสต์ผ่าน Spotify ต่อเดือนมากกว่า 380 ล้านคนทั่วโลก คู่คี่สูสีกับบริการพอดแคสต์ของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple

ผลวิจัยในลิงพบ วัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นสูตรต้าน “โอมิครอน” อาจไม่จำเป็น

โควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 หนีวัคซีนได้น้อยกว่า BA.1 เล็กน้อย

เปิดผลศึกษาวัคซีนในกาตาร์ เปรียบเทียบประสิทธิผล“โมเดอร์นา- ไฟเซอร์”

หนึ่งในรายการพอดแคสต์ของ Spotify ที่เป็นที่รู้จักคือ “The Joe Rogan Experience” ของพอดแคสเตอร์ชื่อดัง โจ โรแกน ซึ่งปัจจุบันรายการนี้มีพอดแคสต์สูงถึง 1,770 ตอนเข้าไปแล้ว และมียอดผู้เข้าฟังเฉลี่ย 11 ล้านคนต่อเดือน

สาเหตุที่เราพูดถึงรายการของ โจ โรแกน นั่นก็เพราะดราม่าที่เกิดขึ้นโดยมีเขาเป็นต้นเหตุ ได้ลุกลามใหญ่โตจนส่งผลกระทบกับภาพรวมของทั้ง Spotify

โดยเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2021 ที่ผ่านมา รายการ The Joe Rogan Experience ได้สัมภาษณ์ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักไวรัสวิทยาที่อ้างว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยี mRNA ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

ในรายการนั้นมาโลนกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า “ภาวะอุปทานหมู่ทำให้ผู้คนเชื่อว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการรักษาโควิด-19” และทั้งสองคนพูดคุยกันว่า ความจริงแล้ว ยาไอเวอร์เม็กติน เป็นวิธีการรักษาโควิด-19 ที่ดีที่สุด แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน สั่งระงับข้อมูลดังกล่าว

ต่อมา ยูทูบและทวิตเตอร์ได้ลบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับรายการในตอนดังกล่าวออก เนื่องจากละเมิดนโยบายการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19

ต่อมาวันที่ 12 ม.ค. 2022 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ อาจารย์ แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ 270 คนได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง Spotify เกี่ยวกับพอดแคสต์ของโรแกน พวกเขาขอให้ Spotify “กำหนดนโยบายที่ชัดเจนและเป็นสาธารณะเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่ผิดบนแพลตฟอร์ม”

เหตุการณ์ทวีความระอุขึ้น เมื่อ นีล ยัง ศิลปินนักร้องชาวแคนาเดียน-อเมริกัน ประกาศว่า ต้องการให้ Spotify ลบเพลงของเขาออกจากแพลตฟอร์ม เพราะ  “Spotify มีการเผยแพร่ข้อมูลปลอมเกี่ยวกับวัคซีน อาจทำให้ผู้เสียชีวิตเพราะเชื่อข้อมูลเท็จที่พวกเขาแพร่กระจาย”

โดยยังเสริมว่า Spotify ต้องเลือก ว่าจะมีเพลงของเขาในแพลตฟอร์มหรือจะมีพอดแคสต์ของโรแกน ในทำนองว่า “คุณต้องเลือกว่าจะมี โจ โรแกน หรือ นีล ยัง ไม่สามารถอยู่ร่วมแพลตฟอร์มเดียวกันได้”

ซึ่งทาง Spotify ก็ตอบกลับ โดยระบุว่า “ลบเพลงของนักร้อง นีล ยัง ออกจากแพลตฟอร์ม” โฆษกของ Spotify บอกว่า “เราเสียใจที่นีลตัดสินใจลบเพลงของเขาออกจาก Spotify แต่หวังว่าจะได้ต้อนรับเขากลับมาเร็ว ๆ นี้”

หลัง Spotify แสดงท่าทีชัดเจนว่าสนับสนุนโรแกน ก็ทำให้แฟนคลับของยังและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ พากันยกเลิกการใช้บริการ Spotify

ภายใต้ท่าทีที่แข็งกร้าวของ นีล ยัง และท่าทีของ Spotify ก็ทำให้ศิลปิน คนดัง พอดแคสเตอร์ จำนวนหนึ่ง ออกมาประกาศของให้ลบผลงานของพวกตนออกจากแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน และจะไม่ร่วมงานกับ Spotify อีก ได้แก่

โจนี มิตเชลล์ นักร้องและนักแต่งเพลง กล่าวว่าเธอจะลบเพลงของเธอออกจาก Spotify “คนที่ขาดความรับผิดชอบกำลังโกหก ซึ่งมันจะทำให้ผู้คนเสียชีวิต ... ฉันขอยืนหยัดร่วมกับ นีล ยัง กับชุมชนวิทยาศาสตร์และการแพทย์ทั่วโลกในประเด็นนี้”

เดวิด ครอสบี – สตีเฟน สติลส์ – เกรแฮม แนช อดีตเพื่อนร่วมลงของ นีล ยัง ประกาศว่าพวกเขาต้องการให้เพลงของพวกเขาไม่อยู่ใน Spotify อีกต่อไป “เราสนับสนุนนีล และเราเห็นด้วยกับเขา ว่ามีการบิดเบือนข้อมูลที่เป็นอันตรายบนพอดแคสต์ของโจ โรแกน ... ปกติเราไม่ด้อยค่ามุมมองของคนอื่นที่แตกต่าง แต่การเผยแพร่ข้อมูลเท็จในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้มีผลร้ายแรง”

ทั้งสามคนเสริมว่า “จนกว่าจะมีการดำเนินการอย่างจริงจังที่แสดงให้เห็นว่า Spotify มีความกังวลต่อมนุษยชาติสมดุลกับเรื่องของการค้าการตลาด เราไม่ต้องการให้เพลงของเราหรือเพลงที่เราทำร่วมกันอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกับคน ๆ นั้น”

ด้าน นิลส์ ลอฟเกร็น นักกีตาร์วง E Street Band ของ Bruce Springsteen กล่าวว่า เขาตัดสินใจถอนเพลงที่ทำมาตลอด 27 ปีออกจาก Spotify

“เราสนับสนุนให้นักดนตรี ศิลปิน และผู้รักเสียงเพลงทุกหนทุกแห่งยืนเคียงข้างพวกเราทุกคน และตัดสัมพันธ์กับ Spotify ซะ ... หยิบดาบขึ้นมาแล้วฟาดฟัน! ร่วมกันยืนเคียงข้างเขา (นีล ยัง) ... มันเป็นการกระทำอันทรงพลังที่ทุกคนสามารถทำได้ในตอนนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ความจริง มนุษยชาติ และเหล่าฮีโร่ที่เสี่ยงชีวิตทุกวันเพื่อช่วยพวกเรา” ลอฟเกร็นบอก

ยังมี นักเขียนและนักวิจัย เบรเน่ บราวน์ ตัดสินใจระงับการทำพอดแคสต์รายการ “Unlocking Us” และ “Dare to Lead” ของเธอ

ด้าน อินเดีย แอรี นักดนตรีและนักพอดแคสต์ กล่าวว่า เธอกำลังนำผลงานของเธอออกจาก Spotify เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เหตุผลของเธอไม่ใช่แค่เรื่องข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับโควิด-19 เท่านั้น

แอรีเขียนบนอิสตาแกรมว่า “ฉันเชื่อในเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ฉันพบว่า โจ โรแกน มีปัญหาอื่นอีกนอกเหนือจากเรื่องโควิด-19 เขามีปัญหาเวลาพูดเรื่องเชื้อชาติด้วย”

เธอเสริมอีกว่า “Spotify จ่ายเศษเงินให้นักดนตรี ในขณะที่โรแกนได้เงิน 100 ล้านดอลลาร์ ... สิ่งนี้แสดงให้เห็นประเภทของบริษัทที่พวกเขาเป็น ... ฉันเหนื่อย”

นอกจากนี้ ยังมี แมรี ทรัมป์ นักพอดแคสต์ นักเขียน และหลานสาวของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า เธอกำลังลบรายการ “The Mary Trump Show” ออกจาก Spotify “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หวังว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของการพังทลายนี้”

ต่อมา โรแกน ได้ออกมาขอบคุณ Spotify ที่ให้การสนับสนุนเขา และขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดกับบริษัท และสัญญาว่า จะจัดรายการให้ “สมดุล” มากยิ่งขึ้น มีหลากหลายความเห็นมาพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น

หลังมีการขอโทษ ดเวย์น จอห์นสัน หรือ “เดอะร็อก” นักแสดงดัง จีเวล นักร้อง และเคลลี สเลเตอร์ นักเล่นกระดานโต้คลื่น ได้ออกมาให้กำลังใจสนับสนุนโรแกน

ด้านผู้บริหารระดับสูงของ Spotify หลังมีท่าทีสนับสนุนโรแกน ก็ได้เผยแพร่บล็อกโพสต์เกี่ยวกับความสำคัญของการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยปฏิเสธที่จะลงโทษผู้แหกกฎ แต่สัญญาว่าจะแนะนำฟีเจอร์ใหม่ที่จะทำให้คอนเทนต์มีคุณภาพสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น จะมีการเพิ่ม “เนื้อหาที่ต้องได้รับคำแนะนำหรือใช้วิจารณญาณ (Content Advisory)” ในตอนของพอดแคสต์ที่พูดถึงโควิด-19

มีการคาดการณ์ว่า จากกระแสที่เกิดขึ้นนี้ แม้ดูเหมือนจะพา Spotify เข้าสู่วิกฤต จากหุ้นที่ร่วงลงพอสมควร แต่อาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะ Spotify ทำเงินได้มากที่สุดจากการสมัครสมาชิก ดังนั้นจึงไม่น่าจะประสบปัญหาทางการเงินจากเคสของโรแกน เว้นแต่จะมีการยกเลิกบัญชีผู้ใช้จำนวนมาก

เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร แต่น่าจะเป็นที่แน่ชัดอยู่ประการหนึ่งว่า หาก Spotify ไม่ได้รับบทเรียนราคาแพง อาจมีคอนเทนต์ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ภายใต้เกราะกำบังที่ชื่อว่า “เสรีภาพในการแสดงออก”

 

เรียบเรียงจาก CNN

ภาพจาก AFP

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ