สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงอยู่ในสภาวะที่ยากจะคาดเดาทิศทาง ว่าจะจบลงด้วยสันติภาพหรือความรุนแรง ซึ่งแน่นอนว่า ประชาชนและผู้นำประเทศต่าง ๆ ล้วนคาดหวังให้จบลงในแบบแรก
ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้นำหลายประเทศที่ได้เข้าพบพูดคุยกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อหาทางออกของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น โดยปูตินได้พูดคุยกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัญมนตรีเยอรมนี
อัปเดต! รัสเซีย-ยูเครน "โจ ไบเดน" เชื่อ "ปูติน" บุกยูเครนแน่นอน
รัสเซียเตรียมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ ท่ามกลางความขัดแย้งยูเครน
ชาติตะวันตก ชี้เหตุยิงปืนใหญ่ถล่มในยูเครน เป็นแผนรัสเซียหวังยกทัพบุก
แต่สิ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากประเด็นการเจรจาแก้ไขปัญหา ก็คือข่าวที่ว่า ผู้นำทั้งสองชาติ “ปฏิเสธการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ PCR โดยรัสเซีย”
ผู้นำทั้งสองไม่ได้มีชื่อในเรื่องการต่อต้านมาตรการรับมือโควิด-19 ดังนั้นจึงเกิดการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาว่า ที่พวกเขาปฏิเสธการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นเพราะมีเหตุผลซ้อนเร้นอื่นใดหรือไม่
ความเป็นไปได้หนึ่งที่นักวิเคราะห์เสนอคือ “พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตตัวอย่างพันธุกรรมหรือ DNA ของพวกเขาไปตกอยู่ในมือของรัสเซีย”
ในโลกที่มีเดิมพันสูงในด้านความมั่นคงของชาติและการจารกรรมระหว่างประเทศ มหาอำนาจระดับโลกมักจะมองหาความได้เปรียบหรืออาวุธใหม่ ๆ อยู่เสมอ และไม่แน่ว่า วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพันธุกรรม อาจเป็นอีกหนึ่งอาวุธใหม่ที่น่าสนใจสำหรับชาติมหาอำนาจ ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองกล่าว แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าวันนั้นอาจยังอีกยาวไกล
DNA เป็นสิ่งที่อยู่ภายในทุกเซลล์ในร่างกาย และสามารถสกัดได้จากหลายวิธี รวมถึงจากการสว็อบ (Swab) เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย แม้ว่าไม้แหย่จมูกที่ใช้ตรวจหาโควิด-19 จะเก็บสารพันธุกรรมที่เรียกว่า RNA แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า “ตัวอย่างเหล่านี้มี DNA ของมนุษย์จำนวนมาก”
เคนนี เบ็คแมน ผู้อำนวยการศูนย์จีโนมของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวว่า “คุณสามารถเก็บตัวอย่างนั้น สกัด DNA และทำทุกอย่างที่คุณต้องการทำกับบุคคลนั้น”
DNA ของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถใช้เพื่อค้นหาได้ว่า บรรพบุรุษของคุณมาจากไหน เป็นญาติกับใครบ้าง มีโรคทางพันธุกรรมหรือความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือไม่ ในทางนิติวิทยาศาสตร์ ยังสามารถใช้ DNA เพื่อเชื่อมโยงบุคคลกับหลักฐานต่าง ๆเพื่อตามหาผู้ต้องสงสัยได้
ฮาวเวิร์ด แม็กลีออด ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์และผู้อำนวยการด้านการแพทย์แม่นยำของ Geriatric Oncology Consortium ในรัฐฟลอริดา กล่าวว่า “คุณสามารถใช้ DNA เพื่อระบุความเสี่ยงต่อโรคได้ ... หรืออาจดูว่ามีองค์ประกอบบางอย่างใน DNA ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่”
เบ็คแมนเสริมว่า แนวคิดว่า ข้อมูลที่รวบรวมได้จาก DNA อาจสร้างความเสียหายทางการเมืองได้นั้น อาจเป็นเรื่องที่เกินจริงไป
“คุณจะทำอะไรกับมันได้ บอกว่ามาครงมีความเสี่ยงความดันโลหิตสูงขึ้นงั้นหรือ ... แต่ตามจริงผมก็ยังไม่ได้ใช้เวลามากในการพยายามคิดหาวิธีเอาข้อมูลทางพันธุกรรมของใครบางคนมาเป็นอาวุธ” เขาบอก
ด้าน จอร์จ แอนนาส นักชีวจริยธรรม บอกว่า “DNA ไม่ใช่เวทมนตร์ มันจะให้ข้อมูลบางอย่างแก่คุณ แต่มันบอกคุณไม่ได้ว่าคุณจะลอบสังหารใครบางคนได้อย่างไร”
ถึงแม้ DNA จะไม่สามารถนำมาสร้างเป็นอาวุธชีวภาพที่มีเป้าหมายเป็นรายบุคคลได้ แต่ข้อมุลบางอย่างจาก DNA ก็อาจเพียงพอต่อการสร้างความเสียหายบางอย่างแก่ผู้นำโลก และเป็นที่ทราบกันดีว่า รัสเซียใช้ “คอมโปรแมต” หรือการแบล็กเมล์ใครบางคนโดยขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่น่าอับอายเกี่ยวกับพวกเขา
ด้านเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสและเยอรมนีก็ออกมาปฏิเสธแนวคิดที่ว่า รัสเซียพยายามแอบเก็บ DNA ของผู้นำทั้งสองประเทศ
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสรายหนึ่งกล่าวว่า เงื่อนไขของรัสเซียในการให้มาครงใกล้ชิดกับปูตินนั้น “ไม่เป็นที่ยอมรับ” และ “ไม่สอดคล้อง” กับเงื่อนไขของประธานาธิบดีฝรั่งเศส ดังนั้น จึงต้องมีการพูดคุยกันบนโต๊ะหินอ่อนยาวตามที่ปรากฏในข่าวทั่วโลก
ด้านโฆษกรัฐบาลเยอรมนี สเตฟเฟน เฮอเบอสเตรท กล่าวว่า โดยปกติ เยอรมนี รวมถึงประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ มีนโยบายให้บุคคลสำคัญจากต่างประเทศสามารถตรวจเชื้อโควิด-19 มาก่อนและนำผลมามอบให้ได้ ไม่จำเป็นต้องตรวจในประเทศของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม “ฝ่ายรัสเซียเห็นต่าง และบอกว่า หากมีการตรวจหาเชื้อ ก็ต้องเป็นการตรวจโดบรัสเซียเท่านั้น นายกรัฐมนตรีของเราจึงตัดสินใจว่าเขาจะไม่ทำตามเงื่อนไขนั้น ... แต่ผมจะไม่ตีความประเด็นนี้มากจนเกินไป”
ดังนั้น โดยสรุปแล้ว การที่ผู้นำทั้งสองประเทศตัดสินใจไม่ให้รัสเซียตรวจหาโควิด-19 นั้น น่าจะเป็นเรื่องของความยินยอมพร้อมใจ (Consent) มากกว่าจะเป็นเรื่องของการขโมยตัวอย่าง DNA เพื่อนำไปทำอะไรไม่ดี
แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้สะท้อนถึงความไม่ไว้ใจกันระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก ทั้งรัสเซียที่ไม่เชื่อว่าผู้นำตะวันตกจะให้ผลตรวจจริง หรือชาติตะวันตก ที่ไม่ต้องการให้รัสเซียเป็นคนตรวจหาเชื้อให้พวกเขา
เรียบเรียงจาก AP
ภาพจาก AFP