รัสเซียยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลสำเร็จ หวั่นหายนะครั้งใหม่
ยูเครนระดมพลแฮกเกอร์ใต้ดิน ช่วยปกป้องหลังบ้านจากรัสเซีย
ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 ในช่วงเวลาที่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต โรงไฟฟ้าที่เป็นความหวังด้านพลังงานกลับกลายเป็นหายนะ เมื่อแท่งเชื้อเพลิงที่เตาปฏิกรณ์หมายเลข 4 ของเกิดหลอมละลายและระเบิดขึ้น ชิ้นส่วนในเครื่องปฏิกรณ์กระจายไปทั่วอาคาร
โดยเศษแกนกราไฟต์ติดประกายไฟ เพลิงลุกไหม้อาคารโรงไฟฟ้าอยู่ถึง 10 วัน ฝุ่นกัมมันตรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ กระแสลมพัดพาเถ้ากัมมันตรังสีกินอาณาเขตแถบตะวันตกของรัสเซีย ยูเครน เบลารุส ไปจนถึงยุโรปตะวันตกและยุโรปเหนือ
จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดมีเพียง 31 คน แต่จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากรังสีมีมากถึงเกือบหมื่นคน และพิษของรังสียังคงตกค้างมาจนถึงคนรุ่นหลัง ทำให้ผู้คนในบริเวณนี้ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์สูงเป็นพิเศษ
มหันภัยที่เกิดขึ้นกับเชอร์โนบิลถือเป็นมหันตภัยการรั่วไหลของกัมมันตรังสีระดับ 7 หรือระดับร้ายแรงที่สุด อีกความเสียหายในระดับเดียวกันคือ มหันตภัยที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ซึ่งทุกวันนี้รังสีที่ปนเปื้อนยังเป็นปัญหาเช่นกัน
ผ่านพ้นมา 36 ปีแล้ว เชอร์โนบิลยังคงรกร้าง มีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแวะเวียนไปเยี่ยมเยียน แต่ที่นี่ยังไม่ปลอดภัยพอให้อยู่อาศัย อาณาเขตกว้าง 2,600 ตารางกิโลเมตร ยังคงปนเปื้อนไปด้วยรังสี
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า กองทัพรัสเซียยึดพื้นที่ทางเข้าของเชอร์โนบิลเท่านั้น พวกเขายังไม่ได้เข้าไปข้างใน ส่วนเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนจำนวนหนึ่งที่ประจำการบริเวณนั้นถูกจับเป็นตัวประกัน ประชาคมโลกหวั่นใจต่อแผนการขั้นต่อไปของรัสเซีย เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยตำแหน่งที่ไม่ไกลจากชายแดน เชอร์โนบิลอยู่ในการคาดการณ์ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะถูกรัสเซียบุกจากทางตอนเหนือ โดยเข้ามาทางเบลารุส เนื่องจากระยะห่างระหว่างชายแดนเบลารุสและเชอร์โนบิลมีระยะเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น
เหตุผลของการบุกยึดเชอร์โนบิลที่แท้จริงคงมีเพียงแต่กองทัพรัสเซียเท่านี้ที่ทราบ แต่สำหรับทางการทหาร เชอร์โนบิลคือทางผ่านไปสู่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนที่ห่างออกไปเพียง 130 กิโลเมตรเท่านั้น กองทัพรัสเซียสามารถข้ามแม่น้ำดีเปอร์ในเบลารุส เพื่อลงใต้มายังเชอร์โนบิล มุ่งสู่กรุงเคียฟ วิธีนี้ช่วยให้รัสเซียไม่ต้องข้ามแม่น้ำดนีเปอร์ในยูเครนที่กว้างและอันตรายกว่า ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า รัสเซียไม่ได้ต้องการอะไรจากเชอร์โนบิล เว้นแต่เป็นทางผ่านไปสู่การบุกล้อมเมืองหลวง
แต่กระนั้นประชาคมโลกก็อดกังวลไม่ได้ เพราะทราบดีว่ามีอะไรอยู่ในเชอร์โนบิล โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลตั้งอยู่กลางป่าสนใกล้กับเมืองปรีเปียต พื้นที่บริเวณนี้มีค่าปนเปื้อนของรังสีไม่เท่ากัน ภาพถ่ายของเชอร์โนบิลที่ถูกเผยแพร่และเป็นภาพจำมักเป็นภาพของกลุ่มอาคารถูกทิ้งร้างว่างเปล่า และข้าวของผุพังเต็มไปด้วยสนิม ภาพเหล่านี้มาจากเมืองปรีเปียต ชุมชนใกล้เชอร์โนบิลที่ถูกสั่งให้อพยพทันทีเมื่อ 36 ปีก่อน และปัจจุบันกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ความน่าหวาดหวั่นที่แท้จริงตั้งอยู่ ณ ใจกลางโรงไฟฟ้า ตรงจุด Ground Zero ที่เคยเกิดระเบิดขึ้น ปัจจุบันจุดนี้มีเหล็กกล้าเสริมด้วยคอนกรีตหนาขนาดมหึมาครอบอยู่ โครงสร้างพิเศษนี้ออกเแบบให้มีรูปทรงโค้ง กว้าง 256 เมตร ยาว 152 เมตร หรือยาวกว่าสนามฟุตบอล และสูงพอที่จะครอบเทพีเสรีภาพได้จนหมด ที่ต้องสูงก็เพราะต้องปกปิดเตาปฏิกรณ์ที่ระเบิดทั้งหมด อันที่จริงจุดนี้เคยมีคอนกรีตเก่าสมัยที่โซเวียตสร้างขึ้นเพื่อป้องกันรังสีครอบอยู่ แต่ผุพังในเวลาต่อมา รัฐบาลยูเครนจึงตัดสินใจครอบพื้นที่อันตรายนี้ใหม่ทั้งหมดเมื่อปี 2017
โครงการนี้มีมูลค่า 1,500 ล้านยูโร หรือราว 55,000 ล้านบาท ได้รับเงินสนับสนุนจากหลายชาติในกลุ่ม G7 เพื่อป้องกันไม่ให้รังสีรั่วไหลออกมาสู่สิ่งแวดล้อม คาดกันว่าโครงสร้างจะตั้งตระหง่านไปอีกร้อยปี ด้วยความหวังว่าในอนาคตปริมาณรังสีจะลดลง หรือมนุษยชาติอาจหาวิธีกำจัดที่มีประสิทธิภาพได้แล้ว และถ้าหากหาวิธีไม่ได้ ก็ต้องรอถึงหมื่นปี กว่ารังสีจะสลายตัวไปตามธรรมชาติ
โดมยักษ์ไม่ต่างจากกล่องแพนโดรา เชอร์โนบิลยังคงเป็นฝันร้ายของยุโรป และมาวันนี้พื้นที่อันตรายยังถูกใช้เป็นตัวประกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองให้รัสเซีย
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า แม้พื้นที่ดังกล่าวจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่หากโดมยักษ์ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะจากความตั้งใจหรืออุบัติเหตุก็ตาม รังสีปริมาณมหาศาลจะรั่วไหลออกมาเพราะโครงสร้างนี้ได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อพายุทอร์นาโดและภัยธรรมชาติอื่นๆ ไม่ใช่ทนทานต่อจรวดหรือการโจมตีจากความขัดแย้งของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม นาทีนี้ พื้นที่ปนเปื้อนที่อันตรายที่สุดในโลกกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง และผู้คนคาดหวังว่ารัสเซียจะใช้เชอร์โนบิลเป็นเพียงแค่ทางผ่าน เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น โลกอาจได้เห็นภาพของมหันตภัยการรั่วไหลของกัมมันตรังสีเกิดขึ้นอีกครั้งในปีนี้