อียู ตอบโต้รัสเซีย จัดซื้อและส่งอาวุธให้กับยูเครน ยกระดับมาตรการคว่ำบาตร

โดย PPTV Online

เผยแพร่

สหภาพยุโรป ตอบโต้รัสเซีย ทั้งจัดซื้อและส่งอาวุธให้ยูเครน ยกระดับมาตรการคว่ำบาตร ห้ามเครื่องบินรัสเซียเข้าน่านฟ้า และแบนสื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลรัสเซีย

เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (EC) ระบุว่า การยกระดับมาตรการที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สหภาพยุโรปจะซื้อยุทโธปกรณ์ส่งให้กับประเทศที่ตกอยู่ภายใต้การโจมตี

นอกจากนี้  อียูยังมีคำสั่งปิดน่านฟ้าต่อรัสเซีย โดยจะห้ามเครื่องบินที่จดทะเบียนเป็นสัญชาติรัสเซีย หรือมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติรัสเซีย หรือควบคุมโดยรัสเซีย บินเหนือดินแดนของสหภาพยุโรป ลงจอด หรือแวะเปลี่ยนเครื่อง

ยูเครน ผนึกกำลังสู้สุดใจ งัดกลยุทธ์ตอบโต้รัสเซียทุกวิถีทาง

นาโต สั่งระดมพล สนับสนุนชาติพันธมิตร และตอบโต้การรุกรานของรัสเซีย

ส่วนมาตรการด้านสื่อมวลชน สหภาพยุโรปจะห้ามการดำเนินกิจการของสำนักข่าว รัสเซีย ทูเดย์ (RT) และสปุตนิก ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลรัสเซีย

เบลารุสผ่านประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เพิกถอนสถานะ "รัฐไร้นิวเคลียร์"

เนื่องจากสื่อทั้งสองสำนักถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างข้อมูลเท็จเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสงครามที่เริ่มขึ้นโดยประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน และยุยงให้เกิดความแตกแยกในยุโรป

สำหรับการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ สหภาพยุโรปได้ข้อตกลงร่วมกันที่จะเปิดรับผู้ที่เดินทางออกจากยูเครนโดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องยื่นคำร้องขอลี้ภัย เป็นเวลา 3 ปี 

ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เปิดเผยว่าจนถึงชณะนี้ มีชาวยูเครนที่เดินทางลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โปแลนด์ โรมาเนีย ฮังการี มอลโดวา และสโลวะเกีย แล้วประมาณ 370,000 คน แต่คาดว่า จำนวนคนที่กลายเป็นผู้ลี้ภัยอาจสูงกว่า 4 ล้านคน พร้อมเตือนว่า นี่จะเป็นอีกครั้งที่ยุโรปต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ โดยบรรยากาศตามจุดผ่านแดนต่างๆ มีทั้งคนและรถ ต่อคิวข้ามแดนยาวหลายกิโลเมตร หลายคนต้องรอนานถึง 60 ชั่วโมง

ท่าทีของสหภาพยุโรปมีขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) ปูติน ออกคำสั่งระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ให้หน่วยป้องปราม ซึ่งมีหน่วยรบนิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุด เพื่อตอบโต้ชาติตะวันตก

ปูติน ระบุว่า ชาติมหาอำนาจที่เป็นสมาชิกนาโต (NATO) ได้ใช้ถ้อยคำที่ก้าวร้าว รวมถึงใช้มาตรการที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งรวมถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ อย่างไม่เป็นธรรม

คำสั่งดังกล่าวของ ปูติน สร้างความกังวลว่าความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซีย จากกรณีการบุกโจมตียูเครน อาจนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้นำรัสเซียเคยออกมาขู่ว่า หากใครเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยตรงกับความขัดแย้งในยูเครน จะต้องเจอกับผลที่ตามมาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์

ข้อมูลชี้ว่า รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการอยู่มากกว่า 1,500 ลูก และสำรองอีก 3,000 ลูก ซึ่งรัสเซียได้ลงทุนพัฒนาการใช้หัวรบนิวเคลียร์หลายแบบ ทั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีปที่ยิงได้ไกลถึงสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ นำโดยสหรัฐฯ ที่ระบุว่าเป็นท่าทีที่ยอมรับไม่ได้ เช่นเดียวกับนาโต ที่ระบุว่า การใช้ถ้อยคำเช่นนี้ ประกอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน ยิ่งทำให้สถานการณ์อันตรายมากขึ้น

ฝั่งผู้นำอังกฤษมองว่า คำขู่ของปูตินเป็นการดึงความสนใจของประชาคมโลก ออกจากสถานการณ์การสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครน

บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า คำสั่งเตรียมพร้อมหน่วยรบนิวเคลียร์ ไม่ได้หมายความว่า ปูตินตั้งใจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์จริงเร็วๆนี้ หากแต่เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปถึงนาโต หรืออาจเป็นแสดงความโกรธเกรี้ยวของปูติน เนื่องจากเข้าสู่วันที่ 5 ของปฏิบัติการบุกยูเครนแล้ว แต่รัสเซียก็ยังไม่ได้รับชัยชนะตามเป้าที่วางไว้ ประกอบกับนานาชาติรุมคว่ำบาตรอย่างหนัก

ความหวาดกลัวผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถาบันการเงิน ทำให้ชาวรัสเซียจำนวนมาก แห่ต่อคิวถอนเงินจากตู้ ATM เนื่องจากกังวลว่าอาจเกิดภาวะขาดแคลนเงินสด และระบบชำระเงินมีปัญหา ขณะที่มีรายงานว่า ค่าเงินรูเบิลยังลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็ลดลงอีกเกือบ 30%

EU แบนเครื่องบินรัสเซียจากน่านฟ้ายุโรป

นอกจากนี้ ยังมีกระแสต่อต้านสงครามในหมู่ชาวรัสเซีย ที่ยังปักหลักประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศ ล่าสุด เมื่อวานนี้ ตำรวจจับผู้ประท้วงอีกกว่า 2 พันคน ส่งผลให้จำนวนผู้ประท้วงในรัสเซียที่ถูกจับกุมตัวรวมเป็นกว่า 5,250 คนแล้ว

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ