“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมกำลังตามหาพี่ชาย”
“คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับสามีของดิฉันไหม”
“นี่คือเบอร์ที่สามารถสอบถามว่าคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ข้อความข้างต้น เป็นข้อความบางส่วนที่สายด่วน “กลับจากยูเครนแบบมีชีวิต (Come Back From Ukraine Alive)” ซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาลยูเครน ได้บันทึกไว้ โดยเป็นเสียงของพ่อแม่ ภรรยา พี่น้อง ที่เป็นชาวรัสเซีย ซึ่งกำลังพยายามออกตามหาคนสำคัญด้วยความสิ้นหวัง ในขณะที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนดูเหมือนจะยังไม่สิ้นสุดลงในเร็ววัน
วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน อาจทำราคาอาหารโลกไต่สู่ระดับ “แพงนรก”
แบรนด์ฟาสต์ฟู้ดโดนกดดันให้ถอนตัวจากรัสเซีย ตอบโต้การรุกรานยูเครน
4 เงื่อนไขจากรัสเซีย ชี้หากยูเครนทำได้ พร้อมหยุดสงครามทันที
สายเหล่านี้ไม่ได้ตามหาชาวยูเครน แต่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับคนในครอบครัวของพวกเขาที่เป็น “ทหารรัสเซีย”
จากการพูดคุย เจ้าหน้าที่สายด่วนพบว่า ครอบครัวของทหารรัสเซียจำนวนมากดูเหมือนจะไม่ทราบว่าแผนการของกองทัพมีอะไรบ้าง ต้องไปที่ไหนบ้าง ทำให้ไม่อาจทราบได้เลยว่า สถานการณ์ปัจจุบันของทหารที่ไปรบในยูเครนเป็นอย่างไร
สายด่วน Come Back From Ukraine Alive นี้ ก่อตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยของยูเครน ซึ่งยอมรับโดยดีว่าความคิดริเริ่มนี้เป็นทั้งเครื่องมือด้านมนุษยธรรมและเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ
คริสตินา (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่โอเปอเรเตอร์สายด่วน เล่าว่า จุดมุ่งหมายของสายด่วนนี้ คือเพื่อ “ช่วยทหารรัสเซียให้ได้พูดคุยกับญาติของพวกเขาที่ไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหนและทำไม และประการที่สอง เราจะช่วยหยุดสงครามด้วย”
คริสตินากล่าวว่า นับตั้งแต่สายด่วนนี้ถูกตั้งขึ้นก่อตั้งขึ้น มีสายโทรเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ซึ่งการโจมตีเริ่มขึ้น ก็มีสายโทรเข้ามามากกว่า 6,000 สายแล้ว โดยมีทั้งสายที่โทรมาจากเมืองรอสตอฟใกล้กับชายแดนยูเครน ไปจนถึงจากเมืองวลาดีวอสต็อก ทางตะวันออกของรัสเซีย นอกจากรัสเซียยังมีสายที่มาจากยุโรปหรือแม้แต่จากสหรัฐฯ
CNN ได้พูดคุยกับคน 3 คนที่โทรมาจากสหรัฐฯ เพื่อยืนยันว่ามีการตามหาทหารรัสเซียผ่านสายด่วนจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องหลอก และดูว่าพวกเขาได้รับข้อมูลใด ๆ จากกระทรวงมหาดไทยของยูเครนเกี่ยวกับคนที่ตามหาหรือไม่
มาแรต (ไม่เปิดเผยนามสกุล) ซึ่งอาศัยอยู่ในเวอร์จิเนีย กล่าวว่า เขาพบรูปถ่ายบัตรประจำตัวของลูกพี่ลูกน้องในระบบ “Find Your Missing” ของรัฐบาลยูเครน ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับชาวรัสเซียที่ถูกจับ ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตในการสู้รบในยูเครน โดยจะโพสต์ภาพถ่ายหนังสือเดินทาง ชื่อ ป้ายชื่อ และข้อมูลหน่วยทหาร เขาจึงติดต่อไปยังสายด่วน Come Back From Ukraine Alive
“เราทราบดีว่าโอกาสที่เขาน่าจะเสียชีวิตในสนามรบมีมากที่สุด แต่เรายังคงพยายามค้นหาข้อมูลว่าสามารถไปรับศพได้ที่ไหน ในขณะเดียวกันก็หวังว่าเขายังมีชีวิตอยู่” มาแรตกล่าว
มาแรตเล่าว่า ครอบครัวของเขาในเมืองอูฟา ประเทศรัสเซีย เป็นคนขอให้เขาโทรหาสายด่วน เพราะกลัวว่าจะมีการติดตามจากทางการรัสเซีย ซึ่งไม่ต้องการให้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสูญเสียของรัสเซียในยูเครน
“ครอบครัวเราพยายามไม่ติดต่อใครเพราะทุกคนในรัสเซียกลัวมาก ทุกคนกลัวที่จะพูด ทุกคนกลัวหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะติดตามตัวพวกเขา” มาแรตกล่าว
มารินา อีกหนึ่งสายที่โทรหาสายด่วน Come Back From Ukraine Alive
จากฟลอริดา สหรัฐฯ กล่าวว่า ป้าของเธอที่รัสเซียพยายามตามหาลูกชายที่เป็นทหาร แต่ไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ จากกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย จึงขอให้เธอติดต่อสายด่วนของยูเครนแทน
“ป้าพยายามตามหาเขา แต่ไม่ได้รับคำตอบ” มารินากล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลยูเครนบอกว่า สายด่วนดังกล่าวได้ทำให้ครอบครัวรัสเซียหลายสิบครอบครัวได้พูดคุยกับทหารรัสเซียในยูเครนอีกครั้ง “เราเชิญพวกเขามาที่ยูเครนเพื่อพบกับลูกชายของพวกเขา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครตัดสินใจทำเช่นนั้น”
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่โอเปอเรเตอร์สายด่วน คนส่วนใหญ่ที่โทรมาบอกว่า ลูกชายหรือสามีของพวกเขาก่อนจะหายตัวไป ได้บอกไว้เพียงว่า พวกเขาถูกส่งตัวไปฝึกทหารกองหนุนหรือซ้อมรบ และหลายคนขาดการติดต่อกับครอบครัวไปตั้งแต่วันที่ 22 หรือ 23 ก.พ. ซึ่งตรงกับช่วงก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน
คริสตินาเล่าว่า เธอเจอสายที่มีความหลากหลายมาก ทั้งสายที่ชวนใจสลาย “พวกนักการเมือง คนใหญ่คนโตกำลังเล่นเกม ในขณะที่เรา เด็ก ๆ กำลังจะตาย เพียงเพราะมีบางคนต้องการทำเงินหรือสนองความทะเยอทะยานส่วนตัวและกลายเป็นราชาของโลก”
หรือสายที่ทำให้เธอประทับใจ “ยกโทษให้พวกเราด้วย เราไม่ได้ต้องการโจมตีคุณ นี่ไม่ใช่สงครามของเรา เราไม่ได้ต้องการทำสิ่งนี้”
อย่างไรก็ตาม สายด่วน Come Back From Ukraine Alive ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบคำถามเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อกระตุ้นให้ชาวรัสเซียต่อต้านสงคราม
“เรากำลังพยายามไม่คิดว่าเรื่องนี้จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน ... เราแค่หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงในไม่ช้า ยิ่งเราสามารถแบ่งปันความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนกับผู้คนได้มากเท่าไร ผู้คนก็จะออกมาประท้วงและเรียกร้องให้หยุดการนองเลือดนี้มากขึ้นเท่านั้น” คริสตินากล่าว
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก CNN